ตลาดหุ้นรอบนี้วิ่งมาไกลมาก ทะยานขึ้นม้วนเดียวประมาณ 143 จุด จนเริ่มกังวลว่า ในระยะสั้นจะมีการปรับฐานลง ซึ่งในที่สุดก็เกิดขึ้นจริง โดยนักลงทุนรายย่อยพร้อมใจกันเทขายทำกำไร จนดัชนีหุ้นทรุดลง 12.62 จุด ถอยลงมาปิดที่ 1,415.41 เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ปีนี้ผ่านไป 8 เดือนกับอีก 11 วันแล้ว แต่ดัชนีแทบไม่กระดิกไปไหน โดยจุดปิดเมื่อวันพุธ อยู่ในระดับเดียวกันกับจุดปิดสิ้นปี 2566 ที่ระดับ 1,415.85 จุด ซึ่งเท่ากับภาพรวมตลาดหุ้นยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดมากนัก เพียงแต่หุ้นรายตัวอาจเกิดความผันผวนรุนแรง
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์คาดหมายกันไว้ก่อนหน้าแล้วว่า หุ้นอาจปรับฐานระยะสั้น เพราะดัชนีดีดขึ้นมาสูงและเร็ว สร้างแรงกดดันให้นักลงทุนที่หวั่นไหวในความสูงของราคาหุ้น และอาจชิงจังหวะขายทำกำไร
เพียงแต่นักลงทุนที่เทขายทำกำไรรอบนี้ กลับเป็นนักลงทุนรายย่อย โดยเมื่อวันพุธพร้อมใจกันเทขายหุ้น 4,018.08 ล้านบาท ถล่มใส่นักลงทุนต่างชาติที่ยังซื้อต่อเนื่องอีก 2,679.63 ล้านบาท
ก่อนหน้านักลงทุนรายย่อยเทขายหุ้นทำกำไรออกมาหนัก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายนและวันศุกร์ที่ 6 กันยายน โดยขายวันละกว่า 1 หมื่นล้านบาท และเป็นการขายทำกำไร หลังจะซื้อหุ้นสะสมต่อเนื่องนับจากต้นปี
ในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนรายย่อยในประเทศต้องแบกหุ้นต้นทุนสูงที่รับมาจากนักลงทุนต่างชาติประมาณ 6 แสนล้านบาท
ต่างชาติใช้กลยุทธ์เล่นหุ้นขาลง โดยการขาย SHORT SELL หรือยืมหุ้นมาขาย รวมทั้งการทำ NAKED SHORT หรือขายโดยไม่มีใบหุ้น และใช้โปรแกรมเทรด หรือ ROBOT TRADE โจมตีหุ้นรายตัว จนเจ้าของหุ้นหลายบริษัทต้องล้มตาย พร้อมกับนักลงทุนรายย่อยต้องติดหุ้นอยู่ยอดดอยยาวนาน
เมื่อต่างชาติถูกกดดันจากองทุนวายุภักษ์ ซึ่งจะเริ่มขายหน่วยงานทุนในวันที่ 16 กันยายนนี้ ระดมทุนจัดตั้งกองทุนวงเงิน 1-1.5 แสนล้านบาท ต่างชาติจึงจำเป็นต้องรีบกลับมาซื้อหุ้น เพื่อนำส่งมอบคืนหุ้นที่ยืมมาขาย SHORT
เพราะถ้ารอให้กองทนวายุภักษ์จัดตั้งเสร็จ ต่างชาติอาจต้องซื้อหุ้นคืนในราคาแพงขึ้น และอาจขาดทุนจากการ SHORT SELL หลังจากฟันกำไรจากการทุบหุ้นลงมาตลอด 6 ปี
การปรับฐานลงในรอบนี้ นักลงทุนบางส่วนอาจกังวลว่า จะเป็นการปิดรอบขาขึ้น โดยดัชนีอาจถอยหลังกลับไปต่ำกว่า 1,400 จดอีกครั้ง และเป้าหมายดัชนี 1,450 จุดในระยะสั้นคงไม่ได้เห็นกัน
แต่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์แทบทุกสำนักไม่ได้ประเมินการปรับฐานของตลาดหุ้นในแง่ร้าย โดยยังเชื่อว่า แนวโน้มการลงทุนยังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยมีกองทุนวายุภักษ์เป็นกองหนุน และพร้อมจะเข้ามาช้อนซื้อหุ้นหากราคาปรับตัวลง ขณะที่ต่างชาติน่าจะทยอยกลับมาซื้อหุ้นคืนต่อเนื่อง
การถล่มขายหุ้นของนักลงทุนรายย่อยเป็นปรากฏการณ์เพียงชั่วคราว เป็นเพียงการชิงจังหวะขายหุ้นทำกำไรเมื่อเห็นโอกาสที่ดี และเป็นการลดความเสี่ยงของนักลงทุนรายย่อยหากตลาดหุ้นเกิดความผันผวน
หุ้นปรับฐานลงติดต่อ 2 วัน รวมเพียงประมาณ 15 จุด ถือว่าน้อยมาก เมื่อเทียบกับรอบนี้ที่วิ่งขึ้นมาประมาณ 143 จุด
และการปรับฐานจะลดแรงกดดันนักลงทุนที่กลัวความสูง กลัวว่าหุ้นจะร้อนแรงเกินไป จนเสี่ยงต่อการปรับฐานใหญ่
นักลงทุนรายย่อยไม่ใช่กลุ่มที่มีบทบาทสำคัญในการทุบหุ้น การขายเพื่อทำกำไร เกิดขึ้นเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น
ขายทำกำไรกำเงินสดไว้ในมือแล้ว ถ้าหุ้นลงจะวิ่งกลับเข้ามาซื้อใหม่ ตลาดปรับฐานรอบนี้ จึงไม่มีอะไรต้องเครียดถึงขั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ
เพราะแนวโน้มใหญ่ยังเป็นขาขึ้น และมีสิทธิทะลุ 1,450 จุด