หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินออกมาประณามการแพร่กระจายของเว็บไซต์หลอกลวงที่ล่อลวงชาวออสเตรเลียให้ลงทุนในโครงการฉ้อโกง
ตามแถลงการณ์เมื่อ วันที่ 19 สิงหาคม สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนของออสเตรเลีย (ASIC) ได้ปิดเว็บไซต์หลอกลวงเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลไปแล้ว 615 แห่งในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งการดำเนินการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่กว้างขึ้นเพื่อปราบปรามการฉ้อโกงการลงทุนในประเทศ โดยรวมแล้วหน่วยงานกำกับดูแลได้ปิดเว็บไซต์หลอกลวงกว่า 7,300 แห่ง รวมถึงแพลตฟอร์มการลงทุนปลอมอีก 5,530 แห่ง และเว็บไซต์ฟิชชิ่งอีก 1,065 แห่ง
สูญเงินไปกว่า 1 พันล้านเหรียญ
ASIC อ้างถึงการฉ้อโกงการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุของการลบข้อมูลเหล่านี้ โดยเปิดเผยว่าการฉ้อโกงดังกล่าวส่งผลให้เกิดการสูญเสียประมาณ 1.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2566 โดยหน่วยงานกำกับดูแลเน้นย้ำว่าการปิดเว็บไซต์เหล่านี้ จะช่วยทำลายการเชื่อมต่อระหว่างผู้หลอกลวงและเหยื่อที่อาจเกิดขึ้น
ด้านซาราห์ คอร์ท รองประธาน ASIC เน้นย้ำว่าผู้หลอกลวงแสวงหาผลประโยชน์จากชาวออสเตรเลีย ขโมยเงินหลายพันล้านดอลลาร์ทุกปี เธอตั้งข้อสังเกตว่าแม้เทคโนโลยีจะมีประโยชน์มากมาย แต่ยังเปิดช่องทางใหม่สำหรับการฉ้อโกงอีกด้วย
อย่างไรก็ดีศาลยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการลบเว็บไซต์เหล่านี้ออกอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องชาวออสเตรเลีย โดยเฉลี่ยแล้วมีเว็บไซต์หลอกลวงด้านการลงทุนถูกปิดลงวันละ 20 แห่ง เธอกล่าวเสริมว่า “ผู้หลอกลวงจะยังคงปรับตัวและค้นหาวิธีใหม่ๆ เพื่อล่อลวงผู้บริโภค และ ASIC ยังคงมีความกระตือรือร้นในการตรวจจับและหยุดยั้งการหลอกลวงด้านการลงทุน”
ทั้งนี้ไซต์ที่ถูกลบออกไปได้แก่ Dexa Trade Markets ซึ่ง ASIC ระบุว่าเป็นแพลตฟอร์มหลอกลวงด้านคริปโต โดยหน่วยงานกำกับดูแล ได้ดำเนินการหลังจากผู้บริโภคชาวออสเตรเลียแจ้งว่าตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงด้านการลงทุนคริปโต โดยกล่าวอ้างกฎระเบียบระหว่างประเทศ ปริมาณการซื้อขายที่สูง และนักลงทุนหลายล้านคนอย่างเท็จ
การหลอกลวงทางคริปโต
การดำเนินการด้านกฎระเบียบของออสเตรเลียสะท้อนให้เห็นว่าการหลอกลวงทางสกุลเงินดิจิทัลยังคงเป็นปัญหาสำคัญที่ขัดขวางการเติบโตของอุตสาหกรรม
ข้อมูลของกรมคุ้มครองทางการเงินและนวัตกรรมแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (DFPI) เปิดเผยว่าแพลตฟอร์มการซื้อขายฉ้อโกงคิดเป็น 87% ของการหลอกลวงทางสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมดที่รายงานในปี 2567
“เว็บไซต์ปลอมเป็นหนึ่งในกลลวงที่มีการรายงานมากที่สุด” ผู้กำกับดูแลระบุ
ทั้งนี้ กลุ่มมิจฉาชีพมีความพยายามใช้ประโยชน์จากความสับสนที่เกิดจากการสร้างบริษัทหรือเว็บไซต์ที่มีชื่อ ที่ดู หรือฟังเหมือนกับบริษัทอื่น หรือเว็บไซต์ที่ดำเนินการอยู่ในตลาดเดียวกัน