หุ้นไทยปิดตลาด +13.16 จุด รับข่าว “อุ๊งอิ๊ง” นั่งนายกฯ คนที่ 31 ตามคาด หยุดช่องโหว่สูญญากาศทางการเมือง นักวิเคราะห์มองเสียงโหวตสภาชู น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ตามคาด และมีโอกาสสูงที่คณะรัฐมนตรีจะเป็นชุดเดิม ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ต่อเนื่องไม่สะดุด ขณะที่การเบิกจ่ายงบภาครัฐเป็นไปตามไทม์ไลน์เดิม อีกทั้งปัจจัยต่างประเทศยังมี Sentiment บวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่ง หลังตัวเลขยอดค้าปลีกและตัวเลขแรงงานออกมาดีกว่าคาด และคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ย ประเมินกรอบการลงทุนสัปดาห์หน้าแนวต้าน 1,320 จุด แนวรับที่ 1,280 จุด แนะจับตาทิศทางการเมืองหลังเปลี่ยนผู้นำรัฐบาลใหม่
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 16 ส.ค.2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.16 จุด หรือ +1.02% โดยปิดตลาดที่ 1,303.00 จุด มูลค่าซื้อขาย 35,657.72 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ ดัชนีปรับตัวและเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวันโดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,305.03 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,295.35 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 366 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 135 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 152 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -1,141.07 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า +334.60 ล้านบาท บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +9.65 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +796.82 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,677.56 ล้านบาท ปิดที่ 26.25 บาท ลดลง 0.25 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,599.93 ล้านบาท ปิดที่ 133.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
3.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,393.21 ล้านบาท ปิดที่ 55.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
4.BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,203.84 ล้านบาท ปิดที่ 130.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
5.PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,136.03 ล้านบาท ปิดที่ 34.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่ 205.00บาท เพิ่มขึ้น 8.00บาท หรือ 4.06%
2.SAWAD ปิดที่ 32.00บาท เพิ่มขึ้น 4.25บาท หรือ15.32%
3.CPN ปิดที่ 57.50บาท เพิ่มขึ้น 3.00บาท หรือ 5.50%
4.KBANK ปิดที่ 133.50บาท เพิ่มขึ้น 3.00บาท หรือ 2.30%
5.MTC ปิดที่ 42.50บาท เพิ่มขึ้น 2.50บาท หรือ 6.25%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.ADVANC ปิดที่ 241.00 บาท ลดลง 3.00บาท หรือ 1.23%
2.SAPPE ปิดที่ 91.00 บาท ลดลง 1.75บาท หรือ 1.89%
3.CENTEL ปิดที่ 30.25 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 2.42%
4.INTUCH ปิดที่ 83.25 บาท ลดลง 0.50บาท หรือ 0.60%
5.BGRIM ปิดที่ 19.60 บาท ลดลง 0.40บาท หรือ 2.00%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,793.05 จุด เพิ่มขึ้น 18.81 จุด หรือ 1.06% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 825.35 จุด เพิ่มขึ้น 7.64 จุด หรือ 0.93% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 316.67 จุด เพิ่มขึ้น 4.41 จุด หรือ 1.41%
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ดี มาจาก Sentiment บวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่ง หลังตัวเลขยอดค้าปลีกและตัวเลขแรงงานออกมาดีกว่าคาด และประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ย ขณะเดียวกัน ปัจจัยในประเทศที่ overhang การเมืองได้คลี่คลาย และได้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีตามคาด และมีโอกาสสูงที่คณะรัฐมนตรีจะเป็นชุดเดิม ซึ่งจะทำให้การขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ไม่สะดุด การเบิกจ่ายงบภาครัฐเป็นไปด้วยดี
อย่างไรก็ดี แม้ว่าภาพรวมวันนี้ยังดูดีขึ้น แต่เนื่องจากกำไรต่อหุ้น (EPS) ยังไม่เติบโต ทำให้ upside จำกัด และยังต้องติดตามการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
"แนวโน้มสัปดาห์หน้าตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบจำกัด ไม่ขึ้นแรงและไม่ลงแรง โดยสัปดาห์หน้าจะประกาศตัวเลข GDP ไทยในไตรมาส 2/67 ซึ่งตลาดคาดไว้เติบโต 2.2% yoy และ 1% qoq หากออกมาเท่ากับหรือดีกว่าคาดจะเป็นบวกกับตลาด แต่หากต่ำกว่าคาดจะเป็นลบต่อตลาด นอกจากนี้ หลังสิ้นสุดการประกาศงบไตรมาส 2/67 นักวิเคราะห์จะมีการปรับประมาณการ EPS ขึ้นหรือไม่ และการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่คาดจะคงอัตราดอกเบี้ยโดยสัปดาห์หน้ามีโอกาสลุ้นขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,320 จุด แนวรับที่ 1,280 จุด" นายณรงค์เดช กล่าว