xs
xsm
sm
md
lg

แรงขายกลุ่มแบงก์ ฉุดหุ้นไทยปิดร่วง -7.62 จุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดตลาด -7.62 จุด นักวิเคราะห์เผย หุ้นไทยเจอแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์ซึ่งประกาศผลประกอบการออกมาต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าปรับตัวลงถ่วงตลาด จากข่าวรัฐบาลอาจตรึงค่าไฟต่อ ขณะที่ระบบคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเกิดปัญหาจากการอัปเดตความปลอดภัยที่มาจากความผิดพลาดของ "คราวด์สไตรค์" (CrowdStrike) หลังการอัปเดตครั้งล่าสุดส่งผลให้ระบบล่มเป็นวงกว้าง สร้างความเสียหายให้ธุรกิจทั่วโลก มองกรอบการลงทุนสัปดาห์หน้าคาดดัชนีแกว่งตัวในทิศทางลง ประเมินกรอบลงทุนแนวรับที่ 1,310 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,320 จุด แนะจับตาการเปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 19 ก.ค.2567 ปรับตัวลดลง -7.62 จุด หรือ -0.58% โดยปิดตลาดที่ 1,317.14 จุด มูลค่าซื้อขาย 37,796.66 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ดัชนีปรับตัวลงต่อเนื่องตั้งแต่เปิดทำการซื้อขายภาคเช้า โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,324.57 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,317.14 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 130 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 179 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 346 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า +278.33 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +223.89 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -172.97 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -329.24 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,558.77 ล้านบาท ปิดที่ 132.50 บาท ลดลง 5.00 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,896.86 ล้านบาท ปิดที่ 128.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
3.GULF มูลค่าการซื้อขาย 1,644.12 ล้านบาท ปิดที่ 45.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
4.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,420.74 ล้านบาท ปิดที่ 228.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
5.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,316.31 ล้านบาท ปิดที่ 26.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.HANA ปิดที่ 47.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 3.87%
2.SCC ปิดที่ 227.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.44%
3.MEGA ปิดที่ 37.00บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 2.07%
4.GULF ปิดที่ 45.50บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.68%
5.BA ปิดที่ 21.20บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 2.42%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BBL ปิดที่ 132.50บาท ลดลง 5.00บาท หรือ 3.64%
2.PTTEP ปิดที่ 144.50บาท ลดลง 3.00บาท หรือ 2.03%
3.AEONTS ปิดที่ 117.50บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ 2.08%
4.KKP ปิดที่ 41.00บาท ลดลง 2.25 บาท หรือ 5.20%
5.SAPPE ปิดที่ 92.00บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 1.34%
 
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,800.43 จุด ลดลง -11.62 จุด หรือ -0.64% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 822.87 จุด ลดลง -5.04 จุด หรือ -0.61% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 336.79 จุด ลดลง -4.62 จุด หรือ -1.35%

นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ดัชนีปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่เคลื่อนไหวอ่อนตัว โดยตลาดรับรู้ประเด็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ไปพอสมควรแล้ว ทำให้มีโอกาสที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และดัชนีดอลลาร์สหรัฐจะรีบาวนด์ในระยะต่อไป ส่งผลให้ตลาดมีแรงขายทำกำไรออกมา

ขณะที่ปัจจัยในประเทศการรายงานผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารที่ออกมาภาพรวมทรงตัวถึงแย่กว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อย นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวลงถ่วงดัชนี จากรายงานข่าวที่ภาครัฐอาจตรึงค่าไฟต่อ นอกจากนี้ เกิดปัญหาระบบคอมพิวเตอร์ล่ม โดยเฉพาะหุ้นคราวด์สไตรค์ (CrowdStrike) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ช่วยบริหารจัดการระบบรักษาความปลอดภัยไอทีของบริษัทต่างๆ ปรับตัวร่วงลงอย่างหนัก หลังการอัปเดตครั้งล่าสุดของบริษัทส่งผลให้ระบบล่มเป็นวงกว้าง สร้างความเสียหายให้ธุรกิจทั่วโลก โดยสำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า หุ้นคราวด์สไตรค์ร่วงลงถึง 14% ในช่วงก่อนเปิดตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ด้านไมโครซอฟท์ (Microsoft) ก็ประสบปัญหาในส่วนของบริการคลาวด์ Azure และชุดแอป Microsoft 365 ด้วยเช่นกัน โดยราคาหุ้นของไมโครซอฟท์ร่วงลง 2% ในช่วงก่อนเปิดตลาด

"ส่วนแนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดดัชนีเคลื่อนไหวไซด์เวย์ดาวน์ นักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจากการเปิดเผยผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารเป็นการชี้นำว่าหุ้นกลุ่มอื่นอาจไม่ดีด้วย นอกจากนี้ ปัจจัยต่างประเทศติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น ยอดขายบ้านใหม่เดือน มิ.ย. โดยประเมินกรอบการลงทุนแนวรับ 1,310 จุด และแนวต้าน 1,320 จุด" นายณรงค์เดช กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น