บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง มีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนไตรมาส 3/2567 ภายใต้นิยาม “หุ้นไทย มาช้า แต่มาแน่” หลังปัจจัยเสี่ยงเชิงลบที่เผชิญมาตลอดช่วงครึ่งแรกของปีเริ่มคลี่คลาย พร้อมกับแทนที่ด้วยปัจจัยบวก ทั้งเงินทุนไหลออกเริ่มชะลอ เศรษฐกิจเริ่มพื้นตัวต่อเนื่อง โดยประเมินเป้าหมาย SET Index ที่ 1,567 จุด พร้อมแนะหุ้นราคาต่ำกว่าพื้นฐานน่าสนใจ เช่น MINT CPALL BEM BDMS ADVANC
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (KTX) เปิดเผยว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อการลงทุนไตรมาส 3 ของปี 2567 หลังปัจจัยเสี่ยงเชิงลบที่เผชิญมาตลอดช่วงครึ่งแรกของปีเริ่มคลี่คลาย พร้อมกับแทนที่ด้วยปัจจัยบวกเริ่มต้นจาก 1.กระแสเงินทุนไหลออกของนักลงทุนต่างชาติ (Fund Outflow) ชะลอลง เนื่องจากเฟดมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี
โดย KTX ประเมินความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งช่วงไตรมาส 4/2567 2.เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐผ่านการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 ขณะที่การส่งออกฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ และการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ได้อานิสงส์เชิงบวกจากสินค้าคงคลังที่ลดระดับลง ซึ่งหนุนให้อัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้นปี 2024E ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องจากต่ำสุด -11.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ในเดือน ก.ย.2566 ขึ้นมาเหลือเพียง -1.1%YoY ในปัจจุบัน
โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ SET Index มีโอกาสปรับตัวเข้าหาระดับศักยภาพที่ 1,567 จุดภายในไตรมาส 3/2567 ด้วยสมมติฐาน ดังนี้
1.ประมาณการกำไรสุทธิ (KTX Top down analysis) ของ SET ระยะ 12 เดือนข้างหน้าที่ 108.6 บาทต่อหุ้น
2.ประมาณการอัตราชดเชยความเสี่ยงตลาด (Market risk premium) ที่ระดับ 4.02% ลดลงจากระดับ 4.79% ณ สิ้น ไตรมาส 2/2567 สอดคล้องกับมุมมองความกังวลต่อความเสี่ยงเศรษฐกิจไทยเริ่มลดลง เมื่อเข้าสู่ช่วงกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
3.อัตราผลตอบแทนที่ไม่มีความเสี่ยง อิงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีที่ 2.91% ขยับขึ้นจาก 2.69% ณ สิ้น 2/2567 4.การออกมาตรการกระตุ้นตลาดหุ้นไทยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ และกระทรวงการคลัง เช่น การจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ใหม่ การปรับเกณฑ์การทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) ตลอดจนการปรับเกณฑ์ Uptick Rule (ขายชอร์ตได้เมื่อราคาสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย) มาใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค.2567 เพื่อลดปริมาณการทำชอรต์เซล ซึ่งป็นปัจจัยถ่วงดัชนีในช่วงที่ผ่านมา
KTX แนะนำกลยุทธ์การลงทุน Selective Buy หลักทรัพย์ที่ราคาหุ้นต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐาน และต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับสถิติในอดีต ได้แก่ MINT CPALL BEM BDMS ADVANC