หุ้นไทยปิดตลาดร่วง -8.55 จุด นักวิเคราะห์เผยหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ หลังรับรู้ผลการประชุมเฟด และนักลงทุนส่วนใหญ่ขายทำกำไรไปก่อนหน้านี้แล้ว ขณะที่ประเด็นหลักในประเทศมาจาก โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อช่วงบ่าย ไม่ได้มีประเด็นใหม่และมองว่ามีความล่าช้ากว่าเดิม จากในตอนแรกที่คาดว่าจะเริ่มใช้นโยบายดังกล่าวช่วงไตรมาส 1-ไตรมาส 2/67 แต่ถูกเลื่อนเป็นไตรมาส 4/67 มองกรอบการลงทุนวันพร่งนี้ แนวรับแรก 1,368 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,355 จุด ส่วนแนวต้าน 1,380-1,390 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 25 มีนาคม 2567 ปรับตัวลดลง -8.55 จุด หรือ -0.62% โดยปิดตลาดที่ 1,372.49 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,060.71 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ดัชนีเคลื่อนไหวแดนลบ โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,385.61 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,368.21 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 148 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 167 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 343 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -2,295.25 ล้านบาท และ นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -1,056.84 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +2,847.14 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า +504.95 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,350.74 ล้านบาท ปิดที่ 33.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
2.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,559.13 ล้านบาท ปิดที่ 208.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
3.KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,443.25 ล้านบาท ปิดที่ 16.80 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
4.BH มูลค่าการซื้อขาย 1,255.39 ล้านบาท ปิดที่ 222.00 บาท ลดลง 5.00 บาท
5.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,244.99 ล้านบาท ปิดที่ 54.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.KKP ปิดที่51.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.99%
2.EGCO ปิดที่ 115.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาทหรือ 0.44%
3.MEGAปิดที่ 41 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.61%
4.BTS ปิดที่ 5.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.26 บาท หรือ 4.59%
5.CPALL ปิดที่ 54.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.46%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่ 222 บาท ลดลง 5 บาท หรือ 2.20%
2.KBANK ปิดที่ 122 บาท ลดลง 2 บาท หรือ 1.61%
3.BBL ปิดที่ 138.50 บาท ลดลง 2 บาท หรือ 1.41%
4.INTUCH ปิดที่69 บาท ลดลง 1.50 บาทหรือ 2.13%
5.HANA ปิดที่ 38 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 3.18%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,863.34 จุด ลดลง -14.03 จุด หรือ -0.75% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 841.69 จุด ลดลง -6.11 จุด หรือ -0.72% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 409.24 จุด ลดลง -6.04 จุด หรือ -1.45%
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ โดยเมื่อวันศุกร์ดาวโจนส์ปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไรหลังรับรู้ประเด็นธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ไปแล้ว ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ยังแข็งค่าต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินฝั่งเอเชียไม่น่าสนใจกดดันเงินทุนไหลออก ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวแดนลบ
ขณะที่การแถลงโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเมื่อช่วงบ่าย ไม่ได้มีประเด็นใหม่และมองว่ามีความล่าช้ากว่าเดิม จากในตอนแรกที่คาดว่าจะเริ่มใช้นโยบายดังกล่าวช่วงไตรมาส 1-ไตรมาส 2/67 แต่ถูกเลื่อนเป็นไตรมาส 4/67
ส่วนวันนี้เป็นวันแรกที่ตลาดหลักทรัพย์ฯขยายเวลาซื้อขายภาคบ่ายเร็วขึ้น 30 นาที มองว่าไม่มีผลต่อภาพการลงทุนและการเคลื่อนไหวของดัชนีอย่างมีนัยสำคัญ
"ประเมินภาพแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้มองว่าดัชนีมีโอกาสที่จะแกว่งออกด้านข้างอิงทิศทางขาลง โดยสัปดาห์นี้นักลงทุนรอติดตามตัวเลขสำคัญของสหรัฐ เช่น ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 4/66 และตัวเลขเงินเฟ้อจากการรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ก.พ. ส่วนกรอบการลงทุนวันพร่งนี้ แนวรับแรกที่ระดับ 1,368 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,355 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,380-1,390 จุด" นายณรงค์เดช กล่าวทิ้งท้าย