นักลงทุนคงมีความรู้สึกเหมือนกันว่า ถ้าไม่เกิดกรณีการกล่าวโทษ นายสมโภชน์ อาหุนัย อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ในความผิดทุจริตเงิน 3,465 ล้านบาท ตลาดหุ้นน่าจะพุ่งทะยาน ป่านนี้อาจจ่อทะลุ 1,350 จุดไปแล้วก็ได้
เพราะก่อนเกิดคดี EA บรรยากาศการลงทุนกำลังฟื้นตัว ดัชนีพุ่งขึ้นต่อเนื่อง แรงขายของนักลงทุนต่างชาติเบาบางลง ซึ่งเป็นผลจาก 4 มาตรการกำกับดูแลการซื้อขายที่เข้มงวดขึ้นของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยเฉพาะมาตรการ UPTICK RULE หรือการกำหนดราคาขาย SHORT ในราคาที่สูงกว่าราคาซื้อขายหุ้นครั้งสุดท้าย และการควบคุมโปรแกรมการซื้อขาย หรือ ROBOT TRADE ที่เข้มงวด
UPTICK RULE และการควบคุม ROBOT TRADE ที่เข้มข้น เป็นการปรับปรุงมาตรการกำกับการซื้อขายที่เดินมาถูกทาง และสอดคล้องกับหลายตลาดหุ้นในเอเชีย ไม่ว่าเกาหลีใต้ หรือสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งให้ความสำคัญกับการยืมหุ้นมาขายหรือ SHORT SELL อย่างจริงจัง
ธุรกรรม SHORT SELL กลายเป็นสิ่งต้องห้ามในตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ใครฝ่าฝืนถูกลงโทษหนัก ไม่เว้นแต่นักลงทุนสถาบันชั้นนำของโลก ล่าสุดเครดิต สวิสถูกปรับจำนวน 713 ล้านบาท ในความผิด SHORT SELL
ส่วนจีนออกมาตรการใหม่คุมเข้ม SHORT SELL โดยกำหนดต้องวางเงินค้ำประกัน 100% ในการขาย SHORT และบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ปล่อยให้ยืมหุ้นมากที่สุดประกาศงดการให้ยืมหุ้น
ขณะที่เตรียมเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการรับส่งข้อมูลเพิ่มเติมในการซื้อขายที่มีความเร็วสูง (HFT) โดยซื้อขายผ่าน ROBOT ทำให้ยอดนักลงทุนที่ใช้บัญชี HFT ประมาณ 20%
มาตรการ UPTICK RULE และอีก 3 มาตรการที่กำกับ ROBOT TRADE อย่างเข้มข้น ตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา และนำสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีในตลาดหุ้นอย่างเห็นทันตา โดยสามารถสัมผัสได้ด้วยความรู้สึก และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม
บรรยากาศซื้อขายหุ้นคึกคักขึ้น ดัชนีที่ปักหัวลงต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะถอยไปสู่แนวรับ 1,250 จุด ได้ผงกหัวขึ้น ยืนเหนือ 1,300 จุดอีกครั้ง และกำลังไต่ขึ้นไปสู่ระดับ 1,350 จุด
ธุรกรรม SHORT SELL ซึ่งเป็นตัวกดตลาดหุ้นจนโงหัวไม่ขึ้นลดฮวบลง จากเดือนมิถุนายนปี 2567 เฉลี่ย 12.88% ของมูลค่าซื้อขายรวม ในข่วงวันที่ 1-15 กรกฎาคม ลดเหลือเพียง 4.23% ของมูลค่าการซื้อขายรวม
และสัดส่วนการซื้อขายของ ROBOT TRADE ซึ่งมีประมาณ 42% ของมูลค่าซื้อขายรวม ระหว่างวันที่ 1-16 กรกฎาคม ลดลงเหลือประมาณ 36% ของมูลค่าซื้อขายรวม
นอกจากนั้น แรงขายของนักลงทุนต่างชาติยังบรรเทาลง และเริ่มกลับมาซื้อหุ้นคืนบ้าง
ตลาดหุ้นได้รับการปลดปล่อยจากการโจมตีของ SHORT SELL และ ROBOT TRADE ช่วยให้นักลงทุนภายในประเทศได้มีโอกาสลืมตาอ้าปากขึ้นมาบ้าง พร้อมกับความหวังใหม่
หวังว่าจะตลาดหุ้นจะฟื้นเสียที หวังว่าดัชนีจะตีฝ่าจนถึง 1,400 จุดได้ภายในตลาดมาสที่ 3 หรืออย่างช้าในไตรมาสที่ 4
ก่อนที่มาตรการ UPTICK RULE จะถูกผลักดันออกมา นักลงทุนตกอยู่ในสภาพสิ้นหวัง หมดกำลังใจ มองโลกในแง่ร้าย มองว่าตลาดหุ้นคงพังพินาศแน่ๆ
แต่สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงที่ดีกำลังเกิดขึ้นในตลาดหุ้น เพียงแต่ช่วงแนวโน้มขาขึ้นเต็มตัวต้องสะดุดหยุดลงชั่วครู่ เพราะภาวะแทรกซ้อนจากคดี EA ซึ่งตลาดซึมซับรับข่าวร้ายไปแล้ว
ผลกระทบที่เหลืออยู่ จำกัดวงเฉพาะหุ้นกลุ่ม EA เท่านั้น หุ้นบริษัทจดทะเบียนอื่นไม่เกี่ยว ตลาดหุ้นไม่เกี่ยวข้องแล้ว
ถ้าไม่มีข่าวร้ายนอกเหนือความคาดหมายแทรกซ้อนเข้ามาอีก ตลาดหุ้นระยะสั้นน่าจะกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่
และมีโอกาสได้เห็นดัชนียืนเหนือ 1,350 จุดในอนาคตอันใกล้