โบรกเกอร์หวังตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังฟื้น มีลุ้นทดสอบ 1,350-1,400 จุด จากปัจจัยบวก ทั้งการเมือง แนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวช่วงที่เหลือของปี การเบิกจ่ายงบประมาณ และมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน อย่างเช่น UPTICK RULE แถมการปรับเงื่อนไขกองทุน TESG และกองทุนวายุภักษ์ แนะกลยุทธ์เลือกลงทุนหุ้นรายตัว เชียร์กลุ่มบลูชิปที่ได้ประโยชน์จากกอง TESG หุ้นส่งออก AI หรือกลุ่ม Defensive
ทิสโก้คาด Q3 ลุ้นการเมืองปลดล็อก ให้กรอบ 1,250-1,350 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทย (SET INDEX) ในช่วงไตรมาส 3/67 ขึ้นอยู่กับความชัดเจนของปัจจัยทางการเมืองว่าจะสามารถปลดล็อกได้หรือไม่ เพราะอัปไซด์และดาวน์ไซด์ของดัชนีค่อนข้างจำกัด
"อัปไซด์ตลาดจำกัดจากประเด็นทางการเมือง ซึ่งต้องรอปัจจัยการเมืองปลดล็อกก่อนจึงจะส่งผลให้นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น ประกอบกับมาตรการของตลาดทุนใหม่ๆ เช่น UPTICK RULE และกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) หากมีความชัดเจนขึ้น คาดว่าน่าจะส่งผลดีต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย" นายอภิชาติ กล่าว
ประเมินกรอบดัชนีในช่วงไตรมาส 3/67 ที่บริเวณ 1,250-1,350 จุด ปัจจัยบวกคือ แนวโน้มเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทั้งจากการที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ และมาตรการขับเคลื่อนตลาดทุน เช่น มาตรการ UPTICK RULE หุ้นทุกตัวสำหรับคนที่ทำธุรกรรม Short Selling การปรับเงื่อนไขกองทุน TESG และการจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์
ส่วนปัจจัยลบคือความไม่แน่นอนของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งมีผลต่อค่าเงินดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้นและอาจส่งผลให้เงินทุนต่างชาติยังไหลออกอยู่ รวมถึงการเลือกตั้งในประเทศสหรัฐฯ ที่ยังไม่มีความแน่นอนว่าใครจะได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ เพราะนโยบายของผู้ชิงตำแหน่ง อาจมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจจีน และเศรษฐกิจไทยอีกด้วย
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลงทุนเลือกหุ้นรายตัว โดยเฉพาะในหุ้นบลูชิปขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายกองทุน TESG หรือหุ้นที่ได้ประโยชน์จากความต้องการในต่างประเทศ เช่น กลุ่มส่งออก กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ AI และกลุ่มหุ้น Defensive อย่างกลุ่มโรงพยาบาล
Top pick ประจำไตรมาสที่ 3/67 ได้แก่ TTB KKP CPALL BJC BDMS GULF ERW SIRI SISB และ MC
ASPS เชียร์ CK TU ADVANC SIRI TTB เป็นหุ้นเด่น
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 3/67 ควรจะปรับตัวดีขึ้น โดยประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ระดับ 1,300-1,400 จุด หลังจากในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายสุทธิออกมาต่อต่อกัน 26 วันทำการ โดยมียอดขายสุทธิสะสม 4.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเทียบเท่ากับช่วงที่เกิด HAMBURGER CRISIS ในปี 2008 และเป็นรองเพียงปี 1994 ก่อนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง 27 วัน ภาวะการขายดังกล่าวถือเป็นแรงกดดันหลักของ SET INDEX
เชื่อว่ามี 4 ปัจจัยที่จะช่วยหนุนความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นไทยและแรงขายของนักลงทุนต่างชาติให้ลดน้อยลง ได้แก่
1.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลัง โดยคาดการณ์ GDP GROWTH ในช่วงไตรมาส 2/67 จะเพิ่มขึ้น 2.1% YOY,ไตรมาส 3/67 +2.5-2.6% YOY และไตรมาส 4/67 +3.8% YOY
2.กลไกของตลาดหุ้นที่จะเริ่มใช้กฎเกณฑ์ใหม่ๆ ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
3.การจัดตั้งกองทุน TESG และกองทุนวายุภักษ์ และ
4.กำไรสุทธิไตรมาส 2/67 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่คาดว่าจะเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน
แนะนำหุ้นเด่นที่น่าสนใจในช่วงไตรมาส 3/67 ได้แก่ CK TU ADVANC SIRI และ TTB
