xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ 4 ปัจจัยหนุนทองทะยานต่อ YLG เพิ่มเป้าปี 67 แตะ 2,350 ดอลลาร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) ประเมินทองคำยังแข็งแกร่ง แม้ล่าสุดพุ่งทำสถิติใหม่ตลอดการณ์ครั้งใหม่เกือบทะลุเป้าหมายเดิมที่ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์แล้ว พร้อมให้เป้าหมายใหม่ปี 67 ที่ 2,350 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ จาก 4 ปัจจัยบวกหนุน

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงทำจุดสูงสุดตลอดกาลอีกครั้งที่ 2,288 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ในช่วงเช้า ส่งผลให้นับจากต้นปีที่เปิดมาที่ 2,062 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ จนถึงระดับ All Time High ปรับขึ้นมาแล้วถึง 226 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +10.93%

ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% เปิดตลาดเมื่อต้นปีที่ 33,550 บาทต่อบาททองคำ และได้ปรับตัวขึ้นมาถึงบริเวณ 39,600 บาทต่อบาททองคำ ส่วนทองคำรูปพรรณล่าสุดราคาได้ทะลุ 40,000 บาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ให้ไว้เช่นกัน

การปรับขึ้นมาครั้งนี้ถือว่ามีนัยสำคัญ เนื่องจากราคากำลังทดสอบเป้าหมายที่ YLG ให้ไว้ว่าจะไปถึง 2,300 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ภายในครึ่งปีแรก อย่างไรก็ดี ความร้อนแรงของราคาทองคำในครั้งนี้ แม้ในระยะสั้นอาจเริ่มเห็นแรงขายทำกำไร แต่เมื่อราคาย่อตัวจะเป็นโอกาสเข้าซื้อใหม่ ในระยะยาวยังค่อนข้างแข็งแกร่ง มองว่าไปต่อได้ YLG จึงได้ปรับประมาณการเป้าหมายใหม่ไปที่ 2,350 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

ปัจจัยสนับสนุนหลักๆ มาจาก 4 ปัจจัย ดังนี้

1.คาดการณ์วงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สิ้นสุดลงแล้ว และเตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ตลาดคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีนี้ ส่งผลกดดันดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ร่วงลง จนเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำให้ทะยานขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.เป็นต้นมา และจากการประชุมเฟดรอบล่าสุดในเดือน มี.ค. Dot Plot ระบุว่าเจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งในปีนี้เช่นกัน

2.โมเมนตัมทางเทคนิค หลังจากราคาทะลุเป้าหมายของปีนี้ ราคาทะลุแนวสำคัญทางเทคนิคหลายประการ ทั้งนี้ ในวันที่ 1 มี.ค.67 ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเป็นทิศทางขาขึ้น สามารถเบรกเส้นค่าเฉลี่ย และยังเคลื่อนไหวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกระยะ พร้อมทั้งทะลุจุดสูงสุดเดิมของราคาทองคำอย่างต่อเนื่อง เมื่อย่อตัวลงก็มีการยกระดับต่ำสุดขึ้นมาได้ ซึ่งทำให้ภาพรวมราคาทองคำเปลี่ยนจากแกว่งตัว (Sideway) เป็นปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง (Bullish)

3.ความต้องการทองคำที่แข็งแกร่งจากจีน ราคาทองคำในจีนซื้อขายในระดับราคาที่สูงกว่าราคาทองคำในตลาดโลก (Premium) เป็นหนึ่งในตัวเลขที่สะท้อนปริมาณความต้องการทองคำในจีนได้เป็นอย่างดีในเวลาที่ปริมาณความต้องการทองคำในจีนที่เพิ่มสูงขึ้น แรงซื้อทองคำจากชาวจีนจะเป็นปัจจัยผลักดันราคาทองคำในประเทศจีนให้ปรับตัวสูงขึ้นตาม

นอกจากนี้ ยังเกิดมีการไหลเข้าของเงินทุนสู่กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนทองคำของจีน (ETFs) เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยมีกระแสเงินทุนไหลเข้า 778 ล้านหยวน (109 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) และผลักดันสินทรัพย์ภายใต้การจัดการกองทุน (AUM) พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 3.1 หมื่นล้านหยวน (4.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) YLG เชื่อว่าความต้องการทองคำที่แข็งแกร่งจากจีนทั้งในด้านทองคำกายภาพและกองทุน ETFs เป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันราคาทองคำในปีนี้

4.แรงซื้อทองคำจากธนาคารกลางทั่วโลกที่ยังคงดำเนินต่อไปในปี 67 ธนาคารกลางทั่วโลกเดินหน้าถือครองทองคำเพิ่มอีก 39 ตันในเดือน ม.ค. นำโดยตุรกีและจีนเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ โดยเพิ่มการถือครองทองคำ 12 ตัน และ 10 ตัน ตามลำดับ ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกซื้อสุทธิทองคำเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน

ดังนั้น แรงซื้อจากธนาคารกลางจึงจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ขณะที่ World Gold Council คาดว่าปี 67 จะเป็นปีที่แข็งแกร่งอีกปีหนึ่งของความต้องการทองคำจากธนาคารกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในตลาดเกิดใหม่


กำลังโหลดความคิดเห็น