xs
xsm
sm
md
lg

บล.พายเผยมูลค่าลงทุนลูกค้าครึ่งแรกปีนี้แตะแสนล.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“บล.พาย” เผยผลงานครึ่งปีแรก มูลค่าการลงทุนของลูกค้าแตะระดับแสนล้านบาท พร้อมรุกหน้าเปิดตัวบริการใหม่ Digital Wealth Management นำนักลงทุนสู่ความมั่งคั่ง และยังเสริมด้วย Pi Private Wealth รองรับลูกค้ากลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) และแอป Pi Financial แพลตฟอร์มนี้ที่จะช่วยสนับสนุนลูกค้าให้ลงทุนได้ทั้งในตลาดหุ้นไทยและตราสารอนุพันธ์ เชื่อตลาดหุ้นไทยสดใสปลายปีหลังงบรัฐไหลสู่ระบบ ให้กรอบดัชนีหุ้นที่ 1,350-1,400 จุด ส่วนหุ้นที่ได้อานิสงส์กลุ่มท่องเที่ยว พลังงาน ค้าปลีก อาหาร และพลังงาน


มร.บ๊อบ เวาเทอร์ส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ Pi เปิดเผยว่าผลงานครึ่งปีแรกปี 2567 มีมูลค่าการลงทุนของลูกค้าที่เชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ และการบริการแตะระดับ 1 แสนล้านบาท เติบขึ้นกว่า 10% เมื่อเทียบกับมูลค่าทรัพย์สินสิ้นปี 2566 รวมถึงประกาศเดินหน้าสร้างแพลตฟอร์มการลงทุนแบบครบวงจร และบริการใหม่ Digital Wealth Management เพื่อนำพาลูกค้าสู่ความ มั่งคั่ง มั่นคงทางการเงิน

"ถึงแม้ว่าตลาดจะมีความผันผวน เรายังมุ่งมั่นที่จะสร้างความมั่งคั่งให้กับลูกค้าของเราอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์ของเรา มุ่งเน้นให้นักลงทุนในประเทศไทยทุกคน สามารถสัมผัสประสบการณ์การลงทุนที่เหนือกว่า พร้อมรับคำแนะนำการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นไปตามคอนเซ็ปต์ ' Digital with a Human Touch' คือการนำเอาความสะดวกสบายของนวัตกรรมดิจิทัล ผนวกเข้ากับความแข็งแกร่งของกลยุทธ์การลงทุน ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา เราประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในการเปิดตัวแอปพลิเคชัน Pi Financial ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ จะช่วยสนับสนุนลูกค้าให้สามารถลงทุนได้ทั้งในตลาดหุ้นไทย และตราสารอนุพันธ์ เพื่อรองรับความผันผวนของตลาด " มร.บ๊อบ

นอกจากนี้ Pi ยังขยายขอบเขตผลิตภัณฑ์ โดยการนำเสนอการซื้อขายหุ้นต่างประเทศบนแอปพลิเคชัน ลูกค้าสามารถเข้าถึงหุ้นต่างประเทศ ในตลาด NASDAQ สหรัฐอเมริกา และตลาดหุ้นฮ่องกง ได้อย่างง่ายดายมากขึ้น ในขณะเดียวกันได้ขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจ ผ่านการเปิดตัว Pi Private Wealth เพื่อสนับสนุน และรองรับลูกค้ากลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) ด้วยผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ครบวงจร และปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการ และความเสี่ยงของแต่ละบุคคล ซึ่ง Pi กำลังเสริมสร้างการจัดการทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการพัฒนาโซลูชัน Pi Digital Wealth ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของแผนการดำเนินงานของPi

ปัจจุบัน นักลงทุนมีการเปลี่ยนวิธีการลงทุนจากแบบดั้งเดิม ไปสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น และเริ่มมองหาโอกาสการลงทุนนอกตลาดประเทศไทย โดย บล. พาย อยู่ในระดับแนวหน้าของวงการการเงินดิจิทัล พร้อมมอบการลงทุนผ่านเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ และผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจรตามที่นักลงทุนต้องการ ไม่เพียงแต่เพื่อตอบสนองต่อความต้องการทางดิจิทัลที่เติบโตขึ้นเท่านั้น แต่ บล.พาย ต้องการนำพาลูกค้าไปยังทิศทางการลงทุนที่คุ้มค่า ตอบโจทย์ และตรงตามความต้องการมากที่สุด ผ่านการให้ข้อมูลที่คัดสรรมาอย่างดีจากทีมรีเสิร์ช ที่อัปเดตข้อมูลทุกวันผ่านแอปพลิเคชัน

ทั้งนี้ ภายหลังจากการเปิดตัวแอปพลิเคชัน Pi Financial ปัจจุบัน มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 100,000 ครั้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และยังพบว่า ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้งานแอปพลิเคชันมีเพิ่มขึ้นถึง 114% และมีผู้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมากกว่า 400 รายต่อวัน ช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งของโซลูชันการลงทุนที่ตอบโจทย์ของ Pi โดยทางบริษัทฯ เชื่อมั่นว่า จะเดินหน้าจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ราว 500,000 ดาวน์โหลด ภายในปลายปี 2567 นี้ และการบริการหนึ่งที่ Pi ภาคภูมิใจคือบริการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ที่ Pi สามารถรักษาส่วนแบ่งตลาด หรือ Market share เป็นอันดับ 2 มาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ Pi Private Wealth หนึ่งในธุรกิจใหม่ของ บล.พาย มุ่งเน้นในการมอบโซลูชันการลงทุนที่คัดสรรมาเพื่อนักลงทุนแต่ละราย โดยมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และกลยุทธ์การลงทุนที่ครบถ้วน จาก CIO Office หรือทีมวิเคราะห์เศรษฐกิจ และข้อมูลด้านการลงทุน ซึ่งนำทีมโดยผู้จัดการกองทุนมากประสบการณ์ ทำให้สามารถส่งมอบแผนการลงทุนที่เฉพาะเจาะจง พร้อมกลยุทธ์การจัดสรรสินทรัพย์ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของนักลงทุนแต่ละรายได้อย่างดีเยี่ยม
ส่งผลให้ตั้งแต่เปิดให้บริการ 3 เดือนมานี้ ที่ Private Wealth มีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท คิดเป็นฐานลูกค้าราว 1,000 ราย เป็นไปตามเป้าหมายทั้งปี ประกอบกับผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนของลูกค้า Private Wealth สามารถทำได้ในระดับ 8-10% ใกล้เคียงกับผลตอบแทนเป้าหมายทั้งปี 67 ที่ 7-10% ถือว่าเป็นระดับที่พอใจในภาวะตลาดผันผวน

นายณัฐพล จันทร์สิวานนท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้บริหารสูงสุดสายการลงทุน กล่าวว่า "ในภาวะตลาดปัจจุบันที่มีการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความท้าทายในการฟื้นตัวของจีน นักลงทุนจำเป็นต้องมีความระมัดระวัง และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป โดย Pi มีผลิตภัณฑ์ครบสำหรับการลงทุนในสภาวะตลาดที่หลากหลาย เช่น ตราสารทุนทั้งไทย และต่างประเทศ ตราสารหนี้ไทย และต่างประเทศ Structured Product กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และตราสารที่มีอนุพันธ์แฝง ซึ่งจะมอบความยืดหยุ่นในการลงทุนแม้ในช่วงที่ตลาดผันผวน"

โดยมองว่าตลาดที่น่าลงทุนคืออินเดียและเวียดนามที่เหมาะสมกับการเข้าไปลงทุน ขณะที่จีนแม้จะมีข่าวดี แต่ยังไม่ชัดเจนนัก ดัชนีของจีนต้องดูอีก 2 ไตรมาสที่จะเห็นทิศทาง และสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงของธนาคารกลางขนาดใหญ่ในโลกเริ่มมีกระแสออกมา โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสลดดอกเบี้ยช่วงปลายปีนี้ 1-2 ครั้ง แม้ว่า จะเริ่มเห็นร้อยร้าวของเศรษฐกิจสหรัฐ แต่นั่นกลายเป็นผลดีที่จะให้เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มขับเคลื่อนไป ขณะที่การนำ AI มาใช้ จะเป็นธีมที่เปลี่ยนแปลงชีวิตคนเราในปัจจุบัน ซึ่งกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รับผลดีไปแล้วต่อเนื่องไปยังกลุ่มซอฟแวร์จะได้ประโยชน์ และสงครามที่เกิดขึ้น หนุนกลุ่มน้ำมันด้วย

สำหรับมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยนั้นแม้มีมองเชิงลบ แต่ยังให้กรอบดัชนีหุ้นที่ 1,350-1,400 จุด เพราะเชื่อว่าการเบิกจ่ายงบภาครัฐที่ไหลออกสู่ตลาด จะหนุนให้ตลาดหุ้นไทยสดใสขึ้นมา ส่วนหุ้นกลุ่มที่น่าสนใจที่รับอานิสงส์จากมาตรการรัฐ อย่างท่องเที่ยว พลังงาน ค้าปลีก อาหาร และพลังงาน
กำลังโหลดความคิดเห็น