"เจ้าสัว" หรือหุ้น CHAO ผู้นำธุรกิจขนมขบเคี้ยวและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ เผย ก.ล.ต. อนุมัติขายหุ้นไอพีโอ 87.6 ล้านหุ้น แผนระดมทุนนำเงินก่อสร้างโรงงาน-คืนหนี้ ซีอีโอประกาศเดินหน้าสู่ระดับ lobal ส่งแบรนด์ 'เจ้าสัว' และ 'โฮลซัม' บุกตลาดโลก ชูจุดเด่น Better-for-You Snack ขณะไตรมาสแรกอวดกำไรโต 43.4%
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย บริษัทเจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO เปิดเผยว่า CHAO จะระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ล่าสุด CHAO ได้รับอนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชน (IPO) จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้ว
โดย CHAO จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 87,684,100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 29.2% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดราคาเสนอขายและวันจองซื้อ
สำหรับการระดมทุนครั้งนี้เพื่อรองรับการขยายธุรกิจสู่ตลาดระดับโลก ผ่านการก่อสร้างโรงงานโฮลซัมแห่งที่ 2 ซึ่งเป็นโรงงานที่มุ่งเน้นการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก การขยายกำลังการผลิต พัฒนาระบบอัตโนมัติ (Automation) และปรับปรุงระบบควบคุมคุณภาพ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการบริหารธุรกิจเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
น.ส.ณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHAO เผยว่า การนำเจ้าสัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน เพื่อรองรับศักยภาพการเติบโตไปสู่ตลาดระดับโลก โดยปัจจุบันเจ้าสัวส่งออกผลิตภัณฑ์ไปแล้วกว่า 12 ประเทศทั่วโลก ซึ่งผู้บริโภคให้การตอบรับอย่างดี สะท้อนผ่านผลประกอบการในช่องทางการส่งออกที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยในปี 2564 มีรายได้จากการส่งออก 216.6 ล้านบาท และในปี 2566 เติบโตสูงถึง 413.3 ล้านบาท เราวางแผนในการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันให้เจ้าสัวเติบโตตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
นายสิริณัฏฐ์ ชญาน์นันท์ กรรมการผู้จัดการ CHAO กล่าวว่า เจ้าสัวมุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนด้วย 6 กลยุทธ์หลัก คือมุ่งเน้นการขยายตลาดในต่างประเทศ ผ่านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มประเทศเป้าหมาย ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เพิ่มตัวแทนกระจายสินค้า และขยายการส่งออกไปสู่กลุ่มประเทศใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเติบโตสูง อีกทั้งการนำเสนอสินค้าใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อยกลมกล่อมถูกปากผู้บริโภค เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ด้วยการวิจัยทางการตลาด และติดตามเทรนด์การบริโภคในปัจจุบัน เพื่อรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สร้างความแตกต่างเพื่อความได้เปรียบทางการแข่งขัน และรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม
อีกทั้งสร้างการรับรู้ของแบรนด์เจ้าสัวให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้น ด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างจากรูปแบบเดิม พร้อมการสื่อสารการตลาดอย่างครอบคลุมทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ครองใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย ในการเป็นขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ที่ผู้บริโภคนึกถึง (Top of Mind) และพัฒนาสินค้าประเภทขนมขบเคี้ยวเพิ่มเติมให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ (Product Portfolio) ให้มีความหลากหลายของรสชาติและรูปแบบ ให้สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์การบริโภคในทุกช่วงวัย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตของรายได้
รวมถึงขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและขยายฐานลูกค้า ด้วยการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าในแต่ละช่องทาง เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น รวมทั้งขยายฐานลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวในประเทศ ผ่านกลยุทธ์ต่างๆ เช่น การออกแบบผลิตภัณฑ์แบบชุดของขวัญ (Gift Set) สำหรับใช้เป็นของฝาก และสุดท้ายบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ลงทุนในระบบอัตโนมัติ (Automation) ยกระดับคุณภาพการผลิตด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร
น.ส.อินทุอร โมรินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ CHAO กล่าวว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เจ้าสัวสามารถสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยในปี 2564 2565 และ 2566 เจ้าสัวมีรายได้จากการขายที่ 1,135.1 ล้านบาท 1,413.6 ล้านบาท และ 1,493.4 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 14.7% ต่อปี
ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสที่ 1/2567 มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 336.2 ล้านบาท เติบโต 4.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว (Snack) ที่บริษัทเชื่อว่ามีศักยภาพเติบโตสูง ด้านกำไรสุทธิในปี 2564 ปี 2565 และ 2566 ทำได้ 64.4 ล้านบาท 86.6 ล้านบาท และ 161.6 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 58.4% และมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ 5.6% 6.1% และ 10.7% ตามลำดับ
โดยกำไรสุทธิของบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขาย การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 1/2567 ทำได้ 26.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง