น.ส.นารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2567 ของ “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” เป็นที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยพบว่ามีจำนวนผู้ยื่นใบสมัครเข้าร่วมโครงการมากถึง 20,267 ราย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 43 ซึ่งจำนวนผู้ผ่านคุณสมบัติและอยู่ระหว่างรอเอกสารตรวจสอบมีจำนวนรวม 14,311 ราย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 58 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกปี 2567 มีจำนวนผู้ที่ทยอยลงนามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้แล้วจำนวน 7,145 ราย หรือ 19,757 บัญชี เพิ่มขึ้น 2.3 เท่า คิดเป็นภาระหนี้เงินต้นรวม 1,616 ล้านบาท
ปัจจุบัน “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” มีลูกค้าตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการประมาณ 46,720 ราย คิดเป็น 129,950 บัญชี รวมภาระหนี้เงินต้นคงเหลือตามสัญญา 9,460 ล้านบาท ค่าเฉลี่ยเงินต้นคงเหลือตามสัญญารายละ 202,440 บาท ภาระหนี้ของผู้เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 50,000-200,000 บาท และอยู่ใน Gen Y กับ Gen X สัดส่วนร้อยละ 61 และ 35 ตามลำดับ จำนวนบัญชีเฉลี่ย 2.7 บัญชีต่อราย และมีค่างวดผ่อนชำระเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 2,470 บาท โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระเฉลี่ยอยู่ที่ 92 เดือน
นอกจากนี้ ยังพบว่าลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการตั้งแต่ยังไม่ดำเนินคดีมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น คาดว่ามาจากปัญหาหนี้ส่วนบุคคลเริ่มส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และเป็นเรื่องใกล้ตัว จึงต้องการแก้ไขปัญหาหนี้เร็วขึ้น รวมทั้งความร่วมมือจากหลายภาคส่วนที่ช่วยกันสร้างความรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการคลินิกแก้หนี้ ส่งผลให้ประชาชนรู้จักและเริ่มสนใจการแก้ไขปัญหาหนี้ด้วยวิธีการปรับโครงสร้างหนี้มากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ความสำเร็จของ “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” ดังกล่าว เป็นผลมาจากการปรับเกณฑ์คุณสมบัติใหม่ให้ลูกค้าที่มีสถานะเป็นหนี้เสีย (NPL) บัตรเครดิต บัตรกดเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ค้างชำระเกินกว่า 120 วัน (ตามรายงานเครดิตบูโร ณ เดือนปัจจุบันมีสถานะค้างชำระตั้งแต่ 121-150 วันขึ้นไป) ให้สามารถเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ได้เลย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ปี 66 ที่ผ่านมา จากเดิมที่ต้องกำหนดช่วงเวลาของการเป็นหนี้เสียในแต่ละช่วงเวลา ส่งผลให้ “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” สามารถช่วยเหลือผู้ที่เป็นหนี้เสียและผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาหนี้เสียได้รวดเร็วขึ้น รวมไปถึงเงื่อนไขการผ่อนชำระและอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ รวมทั้งระยะเวลาการผ่อนชำระที่ยาวสูงสุดถึง 10 ปี ทำให้การแก้ไขปัญหาหนี้มีความเป็นไปได้มากขึ้น โดยปี 2567 นี้ คาดว่าจะมีจำนวนลูกค้าปรับโครงสร้างหนี้ร่วมกับโครงการได้ไม่น้อยกว่า 55,000 บัญชี
น.ส.นารถนารี กล่าวเพิ่มเติมว่า นับแต่ “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” เริ่มดำเนินการเมื่อเดือน มิ.ย.2560 ถึง 31 มี.ค.2567 มีจำนวนลูกค้าที่ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว 2,047 ราย หรือ 5,037 บัญชี คิดเป็นภาระหนี้เงินต้นตามสัญญารวมทั้งสิ้น 288 ล้านบาท หรือชำระหนี้เสร็จสิ้นไปแล้วร้อยละ 3.35 โดยลูกค้าส่วนใหญ่สามารถผ่อนชำระเสร็จสิ้นได้ก่อนกำหนดระยะเวลาตามสัญญา สรุปจำนวนเงินที่ได้รับชำระจากลูกค้าใน “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” ตลอด 7 ปีตั้งแต่เริ่มดำเนินการ คิดเป็นเงินรวมแล้วสูงถึง 2,700 ล้านบาท
"เป็นที่น่าเสียดายว่ายังมีลูกค้าบางส่วนที่ต้องออกจากโครงการก่อนหมดระยะเวลาสัญญา เนื่องจากผิดนัดชำระหนี้ ดังนั้น “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” จึงขอแจ้งให้ลูกค้าทราบว่า หากพบว่าตนเองเริ่มมีปัญหาการผ่อนชำระค่างวด และมีแนวโน้มว่าไม่สามารถทำตามเงื่อนไขของโครงการได้ ขอให้รีบติดต่อกับโครงการเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป"
สำหรับเงื่อนไข “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียประเภทบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน มีหนี้ค้างชำระมากกว่า 120 วัน ด้วยอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรนเพียงร้อยละ 3-5 ต่อปี และระยะเวลาผ่อนนานสูงสุดถึง 10 ปี โดยมีทางเลือกการปรับโครงสร้างหนี้ เป็น 3 ทางเลือก คือ 1.ผ่อนชำระไม่เกิน 4 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี 2.ผ่อนชำระนานกว่า 4 ปี ไม่เกิน 7 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี 3.ผ่อนชำระนานกว่า 7 ปี ไม่เกิน 10 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี โดยมีคุณสมบัติของผู้สมัคร คือเป็นบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ มีอายุไม่เกิน 70 ปี มียอดหนี้รวมกันไม่เกิน 2 ล้านบาท