นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลหยิบยกเรื่องการแก้หนี้เป็นวาระแห่งชาติ SAM ในฐานะหน่วยงานภาครัฐที่ได้รับมอบหมายให้มีส่วนช่วยลดปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศผ่าน “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” พร้อมตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาเรื่องหนี้ของภาคประชาชนในระบบได้อย่างทันท่วงที โด่ยในส่วนของลูกค้าที่เป็นหนี้เสียประเภทบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันและมีคุณสมบัติผ่านหลักเกณฑ์เข้าร่วม “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษเพียง 3-5% ต่อปี และระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด ถึง 10 ปี โดยมีทางเลือกการปรับโครงสร้างหนี้ เป็น 3 ทางเลือก คือ 1. ผ่อนชำระไม่เกิน 4 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี 2. ผ่อนชำระนานกว่า 4 ปี ไม่เกิน 7 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี 3. ผ่อนชำระนานกว่า 7 ปี ไม่เกิน 10 ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี
สำหรับคุณสมบัติผู้สนใจสมัครเข้าร่วม “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” นั้น ต้องเป็นบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ มีอายุไม่เกิน 70 ปี มียอดหนี้รวมกันไม่เกิน 2 ล้านบาท และเป็นหนี้เสียค้างชำระมากกว่า 120 วัน และเพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาผลการสมัคร ขอให้ลูกค้าเตรียมเอกสารสำคัญประกอบการสมัคร ดังนี้ 1. เอกสารรายงานเครดิตบูโร 2. สำเนาบัตรประชาชน 3. สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 1 เดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน (กรณีผู้มีรายได้ประจำ) / รายการเดินบัญชี (Statement) อย่างน้อย 3 เดือน หรือหนังสือรับรองรายได้ (กรณีอาชีพอิสระ)
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของ “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” ในปี 2566 (ข้อมูล ณ เดือน พ.ย.66) มีจำนวนลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ ประมาณ 17,000 ราย หรือกว่า 43,000 บัญชี คิดเป็นภาระหนี้เงินต้นประมาณ 3,200 ล้านบาท และหากนับตั้งแต่เปิดโครงการฯ ในปี 2560 จนถึงปัจจุบัน พบว่ามีจำนวนลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการฯ สะสมอยู่ที่ 52,000 ราย หรือคิดเป็น 146,000 บัญชี คิดเป็นภาระหนี้เงินต้นที่เข้าร่วมโครงการฯ รวมแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท
"ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่เป็นวาระแห่งชาติ ถือเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างบูรณาการ รวมทั้งการเสริมสร้างความรู้ทางการเงินให้แก่ประชาชน เพื่อให้การแก้ไขหนี้ทำได้สำเร็จ และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้ขึ้นอีกในอนาคต อันเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้กับสังคมต่อไป ส่วนคนที่เป็นหนี้เอง ก็ไม่ควรละเลย ควรเริ่มต้นทันทีในการแก้ไขปัญหาหนี้เสียที่เผชิญอยู่ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า อย่ารอจนถูกฟ้องดำเนินคดี อายัติเงินเดือนหรือถูกยึดทรัพย์สินซึ่งจะสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นในอนาคต"