เป็นการยากที่จะคาดเดาว่าเหรียญคริปโตเคอเรนซีใดที่จะ "อยู่รอด" จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากภาวะสงครามระหว่างอิหร่านและอิสราเอล เพราะว่าผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับปัจจัยที่หลากหลายและซับซ้อนมากมาย ซึ่งในภาวะสงครามความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองจะเพิ่มสูงขึ้น นักลงทุนมักกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของการสูญเสียเงินทุน จึงมักย้ายเม็ดเงินลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่างเช่นตลาดคริปโตไปยังสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการรักษาอำนาจการซื้อ และรักษาสภาพคล่อง สินทรัพย์ปลอดภัยที่ได้รับความนิยม ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล ทองคำ เงินสด เงินฝากธนาคาร และพันธบัตรเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม เราสามารถวิเคราะห์เหรียญคริปโตเคอเรนซีบางเหรียญ ที่มีแนวโน้มที่จะมีแรงเสียดทานต่อภาวะความผันผวนของตลาดสูง และมีศักยภาพเครือข่ายที่แข็งแกร่ง แม้จะมีปัจจัยลบเข้ากระทบ แต่สามารถรักษาสถานะความมั่นคงในระยะยาวได้ โดย 5 เหรียญที่มีความโดดเด่น ซึ่งนักลงทุนสามารถนำมาใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาคุณสมบัติต่างๆ ใน 3 ปัจจัยดังต่อไปนี้
การกระจายศูนย์:เหรียญคริปโตเคอเรนซีที่กระจายศูนย์อย่างแท้จริง หมายความว่าไม่มีหน่วยงานใดๆ ควบคุมเครือข่าย เหรียญเหล่านี้มีความทนทานต่อการเซ็นเซอร์หรือการปิดกั้นจากรัฐบาล
กรณีการใช้งานที่แท้จริง:เหรียญคริปโตเคอเรนซีที่มีกรณีการใช้งานที่แท้จริงและมีประโยชน์ เช่น เหรียญที่ใช้สำหรับการชำระเงินหรือบริการเฉพาะ มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมแม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
ชุมชนที่แข็งแกร่ง:เหรียญคริปโตเคอเรนซีที่มีชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนาที่แข็งแกร่ง มีแนวโน้มที่จะได้รับการสนับสนุนและพัฒนาต่อไป แม้เผชิญกับความท้าทาย
5 เหรียญคริปโตเคอเรนซีที่ตอบโจทย์คุณสมบัติอยู่รอดได้ ไม่ตายจากภาวะสงคราม ได้แก่:
Bitcoin (BTC):เป็นเหรียญคริปโตเคอเรนซีที่เก่าแก่และเป็นที่รู้จักมากที่สุด มีความกระจายศูนย์สูง มีกรณีการใช้งานที่หลากหลาย และมีชุมชนที่แข็งแกร่ง
คุณสมบัติเด่นของเหรียญ Bitcoin (BTC) Bitcoin (BTC) เป็นเหรียญคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) ดั้งเดิมและเป็นที่รู้จักมากที่สุด เปิดตัวครั้งแรกในปี 2009 โดย Satoshi Nakamoto บุคคล (หรือกลุ่มบุคคล) ที่ไม่เปิดเผยตัวตน Bitcoin มีคุณสมบัติเด่นหลายประการ ดังนี้
1. การกระจายอำนาจ: Bitcoin เป็นเหรียญที่กระจายอำนาจ ไม่มีหน่วยงานกลางควบคุมเครือข่าย ธุรกรรม Bitcoin บันทึกบนบล็อกเชนสาธารณะ ผู้ใช้ทุกคนในเครือข่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลและตรวจสอบธุรกรรมได้
2. ความปลอดภัย: Bitcoin ใช้เทคโนโลยี Cryptography ที่ล้ำสมัย ช่วยให้มั่นใจได้ว่าธุรกรรม Bitcoin นั้นปลอดภัยและไม่สามารถย้อนกลับได้
3. ความโปร่งใส: ธุรกรรม Bitcoin ทั้งหมดจะถูกบันทึกบนบล็อกเชนสาธารณะ ผู้ใช้ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลและตรวจสอบธุรกรรมได้
4. ความคงทน: Bitcoin เป็นระบบที่ทนทานต่อความผิดพลาด แม้ว่าบางส่วนของเครือข่ายจะล้มเหลว ระบบก็ยังคงทำงานได้
5. การเข้าถึง: Bitcoin เข้าถึงได้ง่าย ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ Bitcoin และเริ่มใช้งานได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากใคร
6. ความรวดเร็ว: ธุรกรรม Bitcoin รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปแล้วธุรกรรมจะได้รับการยืนยันภายใน 10 นาที
7. ค่าธรรมเนียมต่ำ: ธุรกรรม Bitcoin มีค่าธรรมเนียมต่ำ เมื่อเทียบกับวิธีการชำระเงินแบบดั้งเดิม
8. อุปทานจำกัด: Bitcoin มีจำนวนจำกัด 21 ล้านเหรียญ ช่วยป้องกันเงินเฟ้อ
9. การยอมรับ: Bitcoin ได้รับการยอมรับจากร้านค้าและบริการต่างๆ ทั่วโลกมากขึ้น
10. ศักยภาพในการเติบโต: Bitcoin มีศักยภาพในการเติบโตสูง ได้รับความสนใจจากนักลงทุนและนักพัฒนาจำนวนมาก
Ethereum (ETH): เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนยอดนิยมที่รองรับการใช้งานในหลากหลายระบบเชน และประยุกต์ใช้งานได้มากมาย มีความกระจายศูนย์สูง และมีชุมชนนักพัฒนาที่แข็งแกร่ง คุณสมบัติเด่นของเหรียญ Ethereum (ETH) Ethereum (ETH) เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตเคอเรนซี (Cryptocurrency) ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดรองจาก Bitcoin มีจุดเด่นหลายประการ ดังนี้
1. รองรับ Smart Contract: Ethereum รองรับ Smart Contract โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทำงานบนบล็อกเชนโดยอัตโนมัติ ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApps) บนแพลตฟอร์ม Ethereum
2. ระบบนิเวศที่กว้างใหญ่: Ethereum มีระบบนิเวศที่กว้างใหญ่ มี DApps บนแพลตฟอร์ม Ethereum มากมาย ครอบคลุมหลากหลายประเภท เช่น การเงิน การเล่นเกม และ Social Media
3. ชุมชนที่เข้มแข็ง: Ethereum มีชุมชนที่เข้มแข็ง นักพัฒนาและผู้ใช้ Ethereum ทั่วโลกมีส่วนร่วมในการพัฒนาและสนับสนุนโครงการ
4. การวิจัยและพัฒนาที่ต่อเนื่อง: Ethereum มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีทีมวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก
5. แผนงานที่ชัดเจน: Ethereum มีแผนงานที่ชัดเจน แบ่งการพัฒนาออกเป็นหลายเฟส แต่ละเฟสมีเป้าหมายและแผนงานที่ชัดเจน ช่วยให้นักลงทุนติดตามความคืบหน้าได้
6. การปรับขนาด: Ethereum มุ่งเน้นการปรับขนาด พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Sharding และ Layer-2 เพื่อรองรับธุรกรรมจำนวนมากในอนาคต
7. ความยั่งยืน: Ethereum มุ่งมั่นที่จะพัฒนาอย่างยั่งยืน ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
8. กฎระเบียบ: Ethereum มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับกฎระเบียบ ทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก
9. การเข้าถึง: Ethereum มุ่งมั่นให้ง่ายต่อการเข้าถึง พัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้งานง่าย
10. อนาคต: Ethereum มีศักยภาพสูง มีโอกาสเติบโตในอนาคต ดึงดูดนักลงทุนและนักพัฒนาซอฟต์แวร์จำนวนมาก
Monero (XMR):เป็นเหรียญคริปโตเคอเรนซีที่เน้นความเป็นส่วนตัว ซึ่งความเป็นส่วนตัวมีจุดเด่นที่ทนทานต่อการเซ็นเซอร์สูง เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความลับ โดยมีคุณสมบัติหลากหลายเช่น
1. ความเป็นส่วนตัว: Monero มุ่งเน้นความเป็นส่วนตัวสูงสุด ธุรกรรมบนเครือข่าย Monero ไม่สามารถติดตามได้ ผู้ใช้สามารถส่งและรับเงินโดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
2. เทคโนโลยี RingCT: Monero ใช้เทคโนโลยี RingCT (Ring Confidential Transactions) ซ่อนจำนวนเงินและที่อยู่ของผู้ส่งและผู้รับ ทำให้ธุรกรรมบนเครือข่าย Monero ยากต่อการติดตาม
3. ความปลอดภัย: Monero ใช้ฟังก์ชันการทำงาน CryptoNight ซึ่งเป็นฟังก์ชันการทำงาน Proof of Work (PoW) ที่ออกแบบมาเพื่อให้ ASIC ขุดได้ยาก ช่วยกระจายการขุด Monero ไปยังผู้ใช้ทั่วไป
4. การปรับขนาด: Monero มุ่งเน้นการปรับขนาด พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Kovri และ Bulletproofs เพื่อรองรับธุรกรรมจำนวนมากในอนาคต
5. ชุมชนที่เข้มแข็ง: Monero มีชุมชนที่เข้มแข็ง ผู้ใช้ Monero ทั่วโลกมีส่วนร่วมในการพัฒนาและสนับสนุนโครงการ
6. การกระจายอำนาจ: Monero เป็นเหรียญที่กระจายอำนาจ ไม่มีหน่วยงานกลางควบคุมเครือข่าย
7. เข้าถึงได้ง่าย: Monero เข้าถึงได้ง่าย ผู้ใช้สามารถซื้อ Monero บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีชั้นนำทั่วโลก
8. อนาคต: Monero มีศักยภาพสูง มีโอกาสเติบโตในอนาคต ดึงดูดนักลงทุนและผู้ใช้จำนวนมาก
Tether (USDT) : เป็นเหรียญ stablecoin ที่ผูกมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐ หรือจะเข้าใจง่ายในโลกการเงินคือ ดอลล่าร์ดิจิทัล (แม้ว่า FED จะไม่ได้รับรอง USDT ก็ตาม) แต่ด้วยการถือเงินดอลล่าร์สหรัฐคงคลังหนุนหลังในอัตราสูง จึงสามารถคงความเชื่อมั่นในเหรียญถึงศักยภาพให้นักลงทุนได้ และ มักใช้เป็นที่หลบภัยในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน มีจุดเด่นหลายประการ ดังนี้
1. มูลค่าคงที่: Tether พยายามรักษามูลค่าให้คงที่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) โดยมีเงินดอลลาร์สหรัฐฯ สำรองไว้ 1 ดอลลาร์ต่อเหรียญ USDT 1 เหรียญ ช่วยให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงความผันผวนของราคาเหรียญคริปโตเคอเรนซีอื่นๆ
2. สภาพคล่องสูง: Tether เป็นหนึ่งในเหรียญที่มีสภาพคล่องสูง ซื้อขายได้ง่ายบนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีชั้นนำทั่วโลก
3. รวดเร็วและประหยัด: ธุรกรรม Tether รวดเร็วและประหยัดค่าธรรมเนียมเมื่อเทียบกับเหรียญคริปโตเคอเรนซีอื่นๆ
4. ใช้งานง่าย: Tether ใช้งานง่าย ผู้ใช้สามารถโอน Tether ไปมาระหว่างกระเป๋าเงินได้อย่างสะดวก
5. กรณีใช้งานที่หลากหลาย: Tether สามารถใช้สำหรับกรณีใช้งานที่หลากหลาย เช่น การซื้อขายคริปโตเคอเรนซี โอนเงินระหว่างประเทศ และชำระค่าสินค้าและบริการ
6. ได้รับการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีชั้นนำ: Tether ได้รับการสนับสนุนจากแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีชั้นนำทั่วโลก ช่วยให้นักลงทุนซื้อขาย Tether ได้อย่างสะดวก
7. มูลค่าตลาดขนาดใหญ่: Tether มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ เป็นหนึ่งในเหรียญคริปโตเคอเรนซีที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุด
8. เข้าถึงได้ง่าย: Tether เข้าถึงได้ง่าย ผู้ใช้สามารถซื้อ Tether บนแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีชั้นนำทั่วโลก
9. ความปลอดภัย: Tether มุ่งมั่นที่จะรักษาความปลอดภัย ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยหลายชั้นเพื่อปกป้องเงินทุนของผู้ใช้
10. อนาคต: Tether มีศักยภาพสูง มีโอกาสเติบโตในอนาคต ดึงดูดนักลงทุนและผู้ใช้จำนวนมาก
Cardano (ADA) :เป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่มุ่งเน้นไปที่การวิจัยและพัฒนา มีความยั่งยืน และมีชุมชนที่กระตือรือร้น โดยมีจุดเด่นหลายประการ ได้แก่
1. เทคโนโลยีบล็อกเชนที่ล้ำสมัย: Cardano พัฒนาบนแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่เรียกว่า Ouroboros ซึ่งใช้กลไก Proof of Stake (PoS) ในการพิสูจน์กรรมสิทธิ์ มีความปลอดภัย ประสิทธิภาพสูง และประหยัดพลังงาน
2. การวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่ง: Cardano มุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีทีมวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญสูง ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก
3. โร้ดแมปที่ชัดเจน: Cardano มีโร้ดแมปที่ชัดเจน แบ่งการพัฒนาออกเป็น 5 ยุค แต่ละยุคมีเป้าหมายและแผนงานที่ชัดเจน ช่วยให้นักลงทุนติดตามความคืบหน้าได้
4. ชุมชนที่เข้มแข็ง: Cardano มีชุมชนที่เข้มแข็ง ผู้ใช้ Cardano ทั่วโลกมีส่วนร่วมในการพัฒนาและสนับสนุนโครงการ
5. กรณีใช้งานที่หลากหลาย: Cardano รองรับกรณีใช้งานที่หลากหลาย สามารถใช้สร้างแอปพลิเคชันบนบล็อกเชน (DApps) พัฒนาสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) และสร้างระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi)
6. การปรับขนาด: Cardano ออกแบบมาเพื่อรองรับธุรกรรมจำนวนมาก สามารถรองรับผู้ใช้งานได้หลายล้านคน
7. ความยั่งยืน: Cardano มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืน ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
8. กฎระเบียบ: Cardano มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับกฎระเบียบ ทำงานร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก
9. การเข้าถึง: Cardano มุ่งมั่นให้ง่ายต่อการเข้าถึง พัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้งานง่าย
10. อนาคต: Cardano มีศักยภาพสูง มีโอกาสเติบโตในอนาคต ดึงดูดนักลงทุนและนักพัฒนาซอฟต์แวร์จำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่านี่ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงิน และการลงทุนในคริปโตเคอเรนซีมีความเสี่ยงสูง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลความเสี่ยงของตนเองก่อนตัดสินใจลงทุน
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่า สถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และปัจจัยที่ไม่คาดคิดอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าของเหรียญคริปโตเคอเรนซีได้ ดังนั้นนักลงทุนจึงควรติดตามข่าวสารและเหตุการณ์ปัจจุบันอยู่เสมอ และปรับกลยุทธ์การลงทุนของตนเองตามความจำเป็น