หุ้นบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY กำลังตกอยู่ในวิกฤตครั้งใหญ่ ถูกถล่มขายอย่างหนัก ราคาร่วงติดฟลอร์ 2 วันซ้อน จนตลาดหลักทรัพย์ต้องออกประกาศเตือนนักลงทุนให้ศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ ก่อนตัดสินใจซื้อขาย
SABUY เพิ่งมีข่าวในเชิงบวก โดยบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ได้ตัดสินใจร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ SABUY และซื้อหุ้นจากนายชูเกียรติ รุจนพรพจี จำนวน 10 ล้านหุ้น หรือสัดส่วน 1.7% ของทุนจดทะเบียน ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท
นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MGI ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ และรองประธานกรรมการบริหาร SABUY มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา แต่วันที่ 4 เมษายน นายณวัฒน์ ประกาศลาออก โดยอ้างเหตุผลติดภารกิจของ MGI จึงส่งตัวแทนคนอื่นเข้าเป็นกรรมการแทน
การจับมือเป็นพันธมิตรร่วมขยายธุรกิจให้เติบใหญ่ ได้ฤกษ์ประกาศข่าวเมื่อวันที่ 1 เมษายน และราคาหุ้นตอบรับในเชิงบวกทั้ง 2 บริษัท แต่หุ้น MGI ปรับตัวขึ้นเพียงช่วงแรกของการเปิดซื้อขาย ก่อนที่ราคาจะร่วงลงจนติดลบเมื่อปิดการซื้อขาย และลงแรงต่อเนื่อง 4 วันซ้อน จนล่าสุดวันที่ 4 เมษายน ลงมาปิดที่ 21.90 บาท
จากราคาปิดที่ 36.25 บาท เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ใน 4 วันทำการต่อมา หุ้น MGI ปักหัวลงมาตลอด ลดลง 14.35 บาท จนเหลือ 21.90 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 2 เดือน
ขณะที่หุ้น SABUY พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงหลังประกาศข่าวจับมือกับ MGI และแม้จะถูกเทขายทำกำไร แต่ปิดการซื้อขายวันที่ 1 เมษายน ราคายังดูดีอยู่ โดยปิดที่ 4.70 บาท เพิ่มขึ้น 30 สตางค์
แต่วันที่ 2 เมษายน หุ้น SABUY ออกอาการไม่ดี ไปต่อไม่ไหว ราคาปิดที่ 4.64 บาท ลดลง 6 สตางค์ ก่อนถูกถล่มขายอย่างหนัก จนติดฟลอร์ หรือราคาลงต่ำสุด 30% 2 วันซ้อน และปิดวันที่ 4 เมษายนที่ 2.26 บาท
ตลาดหลักทรัพย์ระบุถึงสาเหตุที่หุ้น SABUY ทรุดหนักว่าเกิดจากการขายที่กระจุกตัวในบุคคลบางราย
เบื้องหลังแรงขายที่กระหน่ำใส่ SABUY เกิดจากการบังคับขาย หรือ FORCE SELL ซึ่งมีทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SABUY และนักลงทุนรายย่อยที่ถูกโบรกเกอร์บังคับขาย
เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลงต่ำกว่าเกณฑ์ การวางหลักทรัพย์ค้ำประกันวงเงินขอสินเชื่อเพื่อการซื้อหุ้นหรือมาร์จิ้น และนักลงทุนที่ขอวงเงินมาร์จิ้น ไม่สามารถหาหลักทรัพย์มาวางค้ำประกันเพิ่มได้
การจับมือเป็นพันธมิตรระหว่าง MGI กับ SABUY ควรเป็นข่าวดีที่กระตุ้นหุ้นทั้ง 2 บริษัท แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม เพราะราคาหุ้นทั้ง 2 บริษัทถูกถล่มเละ
SABUY นำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาด MAI เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2563 หลังนำหุ้นเสนอขายนักลงทุนเป็นครั้งแรกที่ราคา 2.50 บาท
ราคาหุ้น SABUY ต่ำจองในระยะแรกที่เข้าซื้อขาย แต่หลังประกาศงบปี 2563 ซึ่งผลกำไรเติบโตสูง ทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ซื้อหุ้น ผลักดันให้ราคาทะยานขึ้นอย่างร้อนแรง และขึ้นไปสูงสุดกว่า 30 บาท
แต่ความรุ่งโรจน์ของ SABUY ไม่จีรัง เพราะราคาอ่อนตัวลง ขณะที่ผลประกอบการปี 2566 ออกมาน่าผิดหวัง มีผลขาดทุน 189.83 ล้านบาท ลดฮวบจากปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 1,482.11 ล้านบาท
ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายชูเกียรติประกาศสละตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อยอดรายได้ที่ไม่เป็นไปตามเป้า
