ศึกชิงอำนาจการบริหารบริษัท ณุศาศิริ ระหว่างกลุ่มนายวิษณุ เทพเจริญ ผู้ก่อตั้งบริษัท กับกลุ่มนายประเดช กิติอิสรานนท์ ผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ กำลังเริ่มต้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
การจัดประชุมวิสามัญผู้ถือ NUSA ซึ่งจะมีขึ้นวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ วาระสำคัญคือ การปลดกลุ่ม "เทพเจริญ" พ้นจากการเป็นกรรมการบริษัททั้งหมด และแต่งตั้งกลุ่มนายประเดชเข้ามาสวมแทน
กลุ่มเทพเจริญรู้ชะตากรรมตัวเองล่วงหน้าว่า จะพบจุดจบอย่างไร จึงพยายามประวิงเวลาการประชุมผู้ถือหุ้นให้นานที่สุด แต่สุดท้ายก็รั้งสถานการณ์ไม่ไหว
เพราะบริษัท ธนา พาวเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งถือหุ้นใหญ่ใน NUSA สัดส่วน 24.98% ของทุนจดทะเบียน โดยกลุ่มนายประเดชเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง ได้ยื่นขอจัดประชุมวิสามัญูผู้ถือหุ้น NUSA ตามมาตรา 100 ของ พ.ร.บ.บริษัทมหาชน ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้
หลายปีที่กลุ่มนายประเดช เข้ามาถือหุ้นใหญ่ใน NUSA ความสัมพันธ์กับกลุ่มเทพเจริญ ดำเนินมาด้วยดี จนกระทั่งคณะกรรมการ NUSA ได้มีมติการขายทรัพย์สินเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินและสำรองไว้รอการไถ่ถอนหุ้นกู้ ความสัมธ์พันระหว่างกลุ่มกิติอิสรานนท์ กับกลุ่มเทพเจริญ จึงขาดสะบั้น
เพราะ 1 ในรายการทรัพย์สินที่กลุ่มเทพเจริญจะนำออกขายคือ หุ้นบริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH ประมาณ 8% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งเป็นกล่องดวงใจของนายประเดช
เพราะหุ้น WEH ที่ NUSA ถืออยู่ ทำให้นายประเดช ควบคุมอำนาจบริหารใน WEH ได้อย่างเบ็ดเสร็จ และ WEH ก็เป็นขุมทรัพย์ใหญ่ของนายประเดช ปั๊มเงินให้ปีละหลายพันล้านบาท
ถ้า NUSA ขาย WEH ออก และหุ้น WEH สัดส่วนประมาณ 8% ตกไปอยู่ในมือกลุ่มนายณพ ณรงค์เดช นายประเดช อาจพ่ายโหวตการประชุมผู้ถือหุ้น WEH แก่กลุ่มนายณพ ซึ่งหมายถึงขุมทรัพย์ใน WEH จะหลุดจากมือนายประเดช
นายประเดช จึงยอมไม่ได้ที่กลุ่มเทพเจริญ จะขายทิ้งหุ้น WEH และเรียกประชุมผู้ถือหุ้น NUSA เพื่อล้างมติการขายทรัพย์สิน และล้างบ้างกลุ่มเทพเจริญพ้นจาก NUSA
ศึกใหญ่ระหว่างกลุ่มเทพเจริญ กับกลุ่มนายประเดชก้าวมาถึงจุดแตกหัก และแน่นอนว่า กลุ่มเทพเจริญต้องเตรียมเก็บของกลับบ้าน เพราะกลุ่มนายประเดชครองสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่ NUSA
ยักษ์กำลังรบกัน แต่พญ้าแพรก หรือผู้ถือหุ้นรายย่อยคงต้องแหลกลาญ เพราะแม้กลุ่มนายประเดชจะเข้าคุมอำนาจการบริหารใน NUSA แต่ผลประกอบการบริษัท ยังไม่มีสัญญาณฟื้น
นอกจากนั้น ยังมีปัญหาเร่งด่วนที่รอต้อนรัยนายประเดชอยู่ เพราะในวันที่ 29 กุมภาพันธ์นี้ วันเดียวกันกับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น NUSA มีหุ้นกู้ NUSA ที่ครบกำหนดชำระคืนจำนวน 132 ล้านบาท และไม่มีข่าวว่าบริษัทได้สำรองเงินเพื่อรองรับการไถ่ถอนไว้หรือยัง
และจะเป็นหุ้นกู้ของบริษัทจดทะเบียนอีกแห่งที่ถูกปล่อยให้ “เด้ง” หรือผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะตอกย้ำภาพลบหรือตอกย้ำความไม่เชื่อมั่นใน NUSA อีกครั้ง
ผลประกอบการ NUSA ย่ำแย่มาต่อเนื่อง ขาดทุนหลายปีติดต่อ จนมียอดขาดทุนสะสมล่าสุด 2,731.26 ล้านบาท และยังมีหนี้หุ้นที่รอการไถ่ถอนอีกประมาณ 1,500 ล้านบาท โดยเดือนกันยายนปีนี้ มีหนี้หุ้นกู้ครบกำหนดไถ่ถอนอีก 618 ล้านบาท ปี 2568 มีหุ้นกู้ครบกำหนดไถ่ถอนรวมอีกประมาณ 900 ล้านบาท
นายประเดชจะปั๊มเงินจาก NUSA มาไถ่ถอนหุ้นกู้ได้หรือ
นักลงทุนที่ถือหุ้นกู้ NUSA โดยเฉพาะหุ้นกู้วงเงิน 132 ล้านบาท ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 29 กุมภาพันธ์ด้วย ต้องเตรียมทำใจล่วงหน้า เพราะคงไม่ได้รับชำระหนี้คืนตามกำหนด
ส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย NUSA จำนวน 8,755 ราย ไม่ได้มีความหวังอะไรมากนัก จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหารบริษัท จากกลุ่มเทพเจริญ มาเป็นกลุ่มนายประเดชเข้ามากุมบังเหียนใน NUSA แทน
แม้ราคาหุ้น NUSA ช่วงนี้จะมีความคึกคักขึ้น ถูกลากขึ้นจากก้นเหวที่ราคา 28 สตางค์ ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ปิดที่ 47 สตางค์ แต่ยังไม่เห็นอนาคตว่าหุ้น NUSA จะวิ่งไปได้ไกลขนาดไหน ในเมื่อผลประกอบการย่ำแย่ และไม่มีสิ่งบ่งชี้วา กลุ่มนายประเดชจะพลิกฟื้นผลประกอบการบริษัทได้
ศึกชิงอำนาจใน NUSA แม้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหาร แต่ปัญหาสะสมของบริษัท และผลประกำอบการที่ย่ำแย่อาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น
ผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ถือหุ้นรายย่อยเฉียดหมื่นชีวิต เตรียมใจสำหรับการแหลกลาญของ NUSA ไว้ล่วงหน้า