xs
xsm
sm
md
lg

NUSA ขายทิ้ง WEH ทุบขุมทรัพย์ “ประเดช” / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เบื้องหลังการแตกหักระหว่าง นายประเดช กิตติอิสรานนท์ กับกลุ่ม นายวิษณุ เทพเจริญ 2 ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA เนื่องจากมติคณะกรรมการบริษัทในการขายทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาทเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปแล้ว

คณะกรรมการ NUSA จะขายทรัพย์สินอะไรออกไป นายประเดช อาจไม่ติดใจเท่าไหร่ แต่การนำหุ้นบริษัท วินด์ เอ็นเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH ไปขายด้วย นายประเดช ยอมไม่ได้

เพราะ WEH เป็นขุมทรัพย์ใหญ่ของกลุ่มนายประเดช โดยยกครอบครัวเข้าไปควบคุมการบริหารงาน โกยเงินมาหลายปี

ถ้า NUSA ขายหุ้น WEH ทิ้ง อำนาจการควบคุมการบริหาร WEH โดยกลุ่มครอบครัวนายประเดช อาจสูญเสียไป

เพราะสัดส่วนหุ้น WEH 8.04% ของทุนจดทะเบียนที่ NUSA ซื้อมา โดยนำหุ้น NUSA จำนวน 3,939 ล้านหุ้นไปแลก เป็นตัวแปรสำคัญในการโหวตเสียงในการประชุมผู้ถือหุ้น WEH ระหว่างกลุ่มนายประเดช กับกลุ่มนายณพ ณรงค์เดช

และนายณพ กำลังทวนคืนอำนาจการบริหารงานใน WEH โดยทำหนังสือถึงบริษัทตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา ขอให้จัดระชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาเปลี่ยนแลงกรรมการบริษัท ซึ่งจะครบกำหนด 30 วัน ในวันที่ 4 มกราคมปีหน้า

WEH คงไม่จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นตามที่นายณพ ทำหนังสือแจ้งมา ซึ่งนายณพ เตรียมจัดประชุมผู้ถือหุ้นเอง เพื่อโหวตเปลี่ยนกรรมการ WEH ชุดของนายประเดชทั้งหมด

ถ้ากรรมการชุดนายณพ เข้ามาบริหาร การตรวจสอบ WEH ครั้งใหญ่ในยุคที่กลุ่มนายประเดช เข้าบริหารจะตามมาในทันที ซึ่งไม่รู้ส่าจะเจออะไรดีๆ จนนำไปสู่การดำเนินคดีหรือไม่

และคดีระหว่างนายณพ กับนายประเดช โดยเฉพาะการซื้อขายหุ้น WEH ก็ยังอีรุงตุงนังกันอยู่ นอกจากนั้น ยังมีคดีใหม่ที่ศาลเพิ่งตัดสิน ซึ่งนายประเดช จะต้องขายหุ้น WEH คืนให้บริษัท เคพีเอ็น เอ็นเนอร์ยี ไทยแลนด์ จำกัด ซึ่งนายณพ ถือหุ้นใหญ่เกือบ 100% อีก

การเลือกมาอยู่กับกลุ่มนายวิษณุ โดยซื้อหุ้น NUSA จนเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 นายประเดช คงหวังว่าจะเป็นฐานสนับสนุนที่ดีในธุรกรรมการซื้อขายแลกเปลี่ยนหุ้น WEH เพื่อเป็นหลักประกันการีครองอำนาจการบริหารใน WEH ตลอดกาล

หลายปีที่นายประเดช ย่างเข้าไปใน NUSA ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น ความสัมพันธ์กับกลุ่มเทพเจริญเป็นไปอย่างกลมเกลียว ไม่เคยมีธุรกรรมใดที่นำไปสู่ความขัดแย้ง แม้กระทั่งการซื้อโรงแรมในเยอรมนีที่จ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าจำนวนมาก จนสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ชี้แจงปมที่น่าสงสัย

แต่ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกัน ระหว่างนายประเดช กับกลุ่มเทพเจริญ ต้องขาดสะบั้น เพราะมติคณะกรรมการ NUSA เมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จะขายทรัพย์สินรวม 6 รายการ มูลค่า 1.1 ล้านบาท และรวมเอาหุ้น WEH มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาทไปขายด้วย

คณะกรรมการ NUSA ที่ลงมติขายทรัพย์สิน และถูกนายประเดช ฟ้องศาลขอให้สั่งระงับการขายทรัพย์สินนั้นถือว่ามีเหตุมีผลสนับสนุนการลงมติ

เพราะ NUSA มีหนี้หุ้นกู้รวม 2,500 ล้านบาท มีขาดทุนสะสมประมาณ 3,400 ล้านบาท ซึ่งการจำหน่ายทรัพย์สินในมูลค่าที่สูงกว่ามูลค่าทางบัญชี จะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์ทางภาษีสูงสุด และหากมีผู้สนใจซื้อทรัพน์สิน บริษัทจะดำเนินการตามหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การขายทรัพย์สิน 6 รายการ รวมหุ้น WEH ของ NUSA จะต้องรอคำสั่งศาล ซึ่งไม่รู้คำตัดสินจะออกมาอย่างไร และนายประเดชคงรอลุ้นด้วยใจระทึก

เพราะปีหน้า นายประเดช จะเจอศึกหนักหลายด้าน โดยเฉพาะศึกกับนายณพ ที่กำลังเรียกจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเปลี่ยนกรรมการ เจอศึกหนักกับกลุ่มนายวิษณุ ในปมการขายหุ้น WEH

ฐานที่มั่นใน NUSA กำลังแตก ขุมทรัพย์ใหญ่ที่สร้างรายได้มหาศาลมาหลายปีใน WEH กำลังถูกนายณพ ขอเอาคืน

ปี 2567 อาจเป็นวิบากกรรมของ “ประเดช กิตติอิสรานนท์” นักลงทุนขาใหญ่ หลังมีแหล่งขุมทรัพย์ให้ตักตวงมาหลายปีนับแต่เข้ามา








กำลังโหลดความคิดเห็น