นายกฯ ย้ำขยายอาคารสนามบินรองรับนักท่องเที่ยว เล็งบูรณาการข้อมูลลดขั้นตอนขาเข้า และขาออก ตั้งแต่เริ่มเช็กอินกับสายการบินเพื่อลดความแออัด พร้อมตั้งเป้าไทยต้องเป็นจุดหมายของการเดินทางในภูมิภาค ทั้งต่อเครื่อง กระทั่งขนถ่ายสัมภาระ และสินค้าต่างๆ
วันนี้ (16 ก.พ.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายในงาน RESHAPING THAILAND A SUSTAINABLE FUTURE ว่าเรื่องการค้าการลงทุนเป็นที่ประจักษ์ดีแล้วทั้งในส่วนโครงสร้างพื้นฐาน ท่าเรือน้ำลึก รถไฟความเร็วสูง การลงทุนฮาร์ดแวร์ แต่ซอฟต์แวร์ไม่ได้รับการแก้ไขก็มีปัญหา การคอร์รัปชันมีส่วนทำให้การเข้าสู่ธุรกิจลำบาก และต้องมีการแก้ไขกันต่อไป ถ้าผมลงทุนโครงสร้างพื้นที่ เพื่อส่งออกไปลาว จีน ถ้าคนจีนกินทุเรียนเท่าคนไทยแค่นี้ก็รวยแล้ว รถไฟความเร็วสูงมีส่วนสำคัญ 2.5 แสนล้าน จะกลายเป็นล้านล้านในการบริโภคทุเรียนของจีน แต่ปัญหาต้องใส่ใจ ทุกทบวงกรมต้องให้ความร่วมมือ ใครๆ อยากค้าขายถ้าลดข้อจำกัด ไม่ใช่สร้างแต่โครงสร้างพื้นฐาน ต้องแก้ปัญหาควบคู่กันไป
สนามบินเราไม่มีการลงทุนมาหลายสิบปี สุวรรณภูมิสร้างมา 20 ปี แต่มีโปรเจกต์มา 50 ปีแล้วกว่าจะได้สร้าง ลองนึกดูถ้าไม่มีแล้วพึ่งแต่ดอนเมืองจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ดอกเมืองแทบจะรับไม่ไหว สุวรรณภูมิเริ่มแน่นแล้ว การที่มีปัญหาเพราะการจัดการมีทั้งเรื่องอยู่เกินวีซ่า อาชญากร ต่อไปไม่ต้องตรวจดวงตาแล้ว ต้องทำให้ขาออก ขาเข้าสะดวกมากขึ้น กับการอัปเกรดเพื่อพิสูจน์ตัวตนการบูรณาการข้อมูลตั้งแต่เช็กอินที่เคาน์เตอร์สายการบินจะลดขั้นตอนลงได้
“เรื่องการสร้างเป็นส่วนหนึ่ง ใส่เงินส่วนหนึ่ง ใส่ใจส่วนหนึ่ง แอบไปดูสุวรรณภูมิ ประสบการณ์ต่างๆ มีปัญหาหมด การเปลี่ยนเครื่องไม่ถึง 1% ไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญแต่ทำไม่มีใครมาเป็นจุดเปลี่ยน แม้กระทั่งขนถ่ายสินค้า ค่าธรรมเนียมการลงเราสูง เราควรมีเครื่องบินมาลงและมาต่อเครื่อง อาคารผู้โดยสารจริงอยู่ต้องมีการขยาย แต่สายพานลำเลียงสัมภาระ แท็กซี่ผี ระบบทุกเรื่องต้องแก้ไขไปพร้อมกับการใช้เงิน” นายเศรษฐา กล่าว
