xs
xsm
sm
md
lg

"เศรษฐา" ลั่นอัปเกรดประเทศไทย ฐานรากต้องแข็งแกร่ง พร้อมขยายตลาดโลกทุกด้าน ดันไทยเป็นฮับการบิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ งาน Dinner Talk "Thailand Level Up อัปเกรดประเทศไทย" ชี้ เศรษฐกิจจะดีได้ฐานรากต้องแข็งแกร่ง พร้อมขยายตลาดทุกด้านในตลาดโลก และดันให้ไทยเป็นฮับการบิน

เมื่อเวลา 18.50 น. วันที่ 29 ม.ค. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน TNN DINNER TALK Thailand Level Up อัพเกรดประเทศไทย ที่ ห้องแมกโนเลีย บอลรูม โรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย ถนนราชดำริ กรุงเทพฯ ตอนหนึ่งว่า อัพเกรดประเทศไทย เป็นหัวข้อที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ถ้าจะอัพเกรดประเทศไทยได้ ฐานแรกไม่แข็งแกร่ง เชื่อว่าจะไม่สามารถอัพเกรดประเทศไทยได้ ในทางกลับกัน ถ้าฐานรากแข็งแกร่งก็จะสามารถดันส่วนบนให้สูงขึ้นได้ ให้มีรายได้ขึ้นไปอีก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นเรื่องเหมาะสมที่จะต้องพูดถึงเรื่องฐานรากก่อน ถ้าฐานรากไม่ดี การพัฒนาฐานราก รัฐบาลก็ทำงานลำบาก เศรษฐกิจจะไปได้ฐานรากต้องแข็งแกร่ง บ้านเมืองจะสงบได้ ประชาชนส่วนมากต้องมีความสุข ต้องได้รับการดูแลอย่างทั่วถึง


“ตั้งแต่ 4 เดือนที่เราเข้ามาทำหน้าที่ เชื่อว่าการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เราทำไปแล้ว คือเรื่องของเกษตรกร พักหนี้เกษตรกร เรื่องพักหนี้เป็นจุดแรกที่จะเป็นคืนขวัญกำลังใจ คืนศักดิ์ศรี ไม่ต้องพะวงเรื่องการใช้หนี้ สามารถเพาะปลูกทำมาหาชีพไม่ต้องมาจ่ายดอกเบี้ย และเป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการเปิดสินค้าใหม่ๆ และให้องค์ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เกษตร”

อีกทั้งเรามีการลงทุนเรื่องรถไฟความเร็วสูง มีการซื้อสินค้า ซื้องานระบบจากต่างประเทศ เงินที่ลงทุนไปสร้าง GDP ให้ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เยอรมัน หลายๆ ประเทศ เราเองได้แต่ค่าแรง แต่เราต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ถ้าเราลงทุนเรื่องไม่ท่วมไม่แล้ง ถ้าเราไม่ท่วมไม่แล้ง ผลผลิตทางการเกษตรจะขึ้น รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการลงทุนด้านการเกษตร
ส่วนเรื่องค่าแรงขั้นต่ำเป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจและให้ความสำคัญกับชีวิตของคนที่อยู่ฐานของพีระมิด ซึ่งจะเสริมความแข็งแกร่งของสังคมไทย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคง เป็นเรื่องที่สำคัญมาก


วันนี้คงต้องขอคุยว่า เรื่องราคายางพาราเพิ่มขึ้น 14 วันซ้อนในรอบ 10 ที่ผ่านมา ซึ่งตั้งแต่คุมเข้มเรื่องปริมาณยางพาราลักลอบนำเข้าก็ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

“รัฐบาลให้ความใส่ใจ ไม่ใช่ใส่เงินเพียงอย่างเดียว ไปเปิดเรื่องของตลาดการค้า FTA เราให้ความสำคัญเพราะเป็นการขยายตลาดอื่นๆด้วย”

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงเรื่องการลงพื้นที่ของรัฐบาล ว่า ลงพื้นที่ตลอด ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ไปหลายๆ จังหวัด ปัญหา 2 เรื่องใหญ่ๆ ที่ไม่นับเรื่องเกษตรกรรม คือเรื่อง PM 2.5 ซึ่งถือเป็นเรื่องสิทธิพื้นฐานของมนุษยชนที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับ คืออากาศสะอาด เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆ ทั้งการไม่เผาป่า แปลงวัชพืชที่หลงเหลือจากการเพาะปลูกมาเป็นสินค้าที่สร้างรายได้


ส่วนเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแลนด์บริดจ์ เป็นนโยบายใหญ่ของเรา เพราะการที่เราเชิญบริษัทมาลงทุนในอุตสาหกรรม ประเทศไทยมีประชากร แค่ 70 ล้านคน ความต้องการของหัวรถจักรไฟฟ้า รถไฟฟ้า EV จะเยอะขนาดไหน ถ้าเขามีการสร้างเป็นฐานผลิต เขาก็ต้องมีการส่งออกออกไป การขนถ่ายสินสินค้าก็เริ่มแน่น เราต้องสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับ

นอกจากนี้ รัฐบาลจะประกาศเป็น ฮับการบินของภูมิภาค มีแผนการก่อสร้างสนามบินใหม่ และปรับปรุงสนามบินเดิมทั่วประเทศ รวมถึงการก่อสร้างรันเวย์ที่ 3 และ 4 ของสนามบินสุวรรณภูมิ เปิดใช้อาคารผู้โดยสารใหม่ SAT-1 รวมไปถึงการปรับปรุงระบบซอฟต์แวร์ในการให้บริการแก่ผู้โดยสาร

สำหรับการวางแผนให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ตนได้ให้แนวคิดว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนค่าลงจอดอากาศยาน (Landing Fee) กับค่าปรับลงจอดล่าช้า ต้องคิดค่าลงจอดให้ต่ำ คิดค่าปรับลงจอดช้าให้แพงขึ้น จะสามารถดึงดูดเครื่องบินมาลงที่สนามบินเพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มการเปลี่ยนเครื่องต่อเที่ยวบินให้มากขึ้น ให้เทียบเท่าสนามบินชั้นนำอื่นๆ เป็นเรื่องที่เราสามารถทำได้ และรัฐบาลจะประกาศแผนภาพรวมให้ได้เห็นทั้งหมดในเดือนมีนาคมนี้










กำลังโหลดความคิดเห็น