xs
xsm
sm
md
lg

“วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ”..หัวหน้าวงปล้น STARK / สุนันท์ ศรีจันทรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตำนานการปล้นครั้งมโหฬารที่สุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นรอบ 49 ปี คดี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ปิดฉากลงแล้ว โดยผู้บริหารที่ร่วมขบวนการแต่งบัญชีตบตา สร้างความเสียหายให้นักลงทุนวงเงินหลายหมื่นล้านบาท กำลังทยอยชดใช้กรรม

นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STARK หัวโจกสำคัญอีกคนหนึ่งหนีหัวซุกหัวซุนออกนอกประเทศไทยแล้ว พร้อมหอบเงินที่ปล้นไป ซึ่งคาดว่ามีจำนวนประมาณ 8 พันล้านบาท

การติดตามตัวนายชนินทร์ กลับมารับโทษ ชดใช้กรรมที่ก่อคงเป็นวาระใหญ่ที่ประชาชนผู้เสียหายจะเรียกร้องกดดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป

และแม้นายชนินทร์ จะหนีเข้ากลีบเมฆ แต่ถ้าเป็นบุคคลที่ทางการไทยต้องการตัว และดำเนินการติดตามตัวอย่างจริงจัง โลกใบนี้ไม่น่าจะมีที่ให้นายชนินทร์ ซุกซ่อนได้

แต่อีกตัวการสำคัญในคดี STARK นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ บุตรชายคนโตของนายประจักษ์ ตั้งคารวคุณ เจ้าของสี TOA อดีตผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ STARK ถูกปิดบัญชีไปเรียบร้อยแล้ว

ตำรวจได้ควบคุมตัวให้อัยการส่งฟ้องศาล โดยเบื้องต้นถูกแจ้งข้อหาทุจริตไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ จนเป็นเหตุให้ STARK ได้รับความเสียหาย หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะกรรมการหรือผู้บริหารบริษัท และข้อหาอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

คำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวของนายวนรัชต์ได้รับการปฏิเสธ เพราะศาลเห็นว่าคดีมีลักษณะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งก่อความเสียหายต่อประชาชน และมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก จึงไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ก่อนถูกนำตัวคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ

ความกังวลของสังคมในประเด็นนายวนรัชต์ จะหลุดรอดลอยนวล ไม่ถูกดำเนินคดีอาญา เช่นเดียวกับเศรษฐีคนมีเงินหลายคนที่เป็นอภิสิทธิ์ชน ทำผิดแล้วไม่ติดคุกนั้นได้ข้อยุติจนสิ้นสงสัยแล้ว

เพราะนายวนรัชต์ ต้องถูกควบคุมตัวในระหว่างสู้คดี แม้จะเป็นทายาทเจ้าสัวหลายหมื่นล้านบาทก็ตาม

วิบากกรรมครั้งนี้ของนายวนรัชต์ เริ่มต้นเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน โดยเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุน บริษัท สยามอินเตอร์ มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ SMM จำนวน 20,000 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 60 สตางค์ และเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 94% ของทุนจดทะเบียน

แผนการแต่งบัญชี ก่อหนี้เทียม สร้างรายได้เท็จเริ่มต้นขึ้นทันที โดยตัวเลขผลประกอบการที่ดี พร้อมกับการแต่งนิยายแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจที่สดใส ทำให้นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งนักลงทุนรายย่อยแห่ขนเงินเข้าร่วมลงทุนกับ STARK ทั้งการซื้อหุ้นในกระดาน ซื้อหุ้นเพิ่มทุน ซื้อหุ้นกู้ และการปล่อยสินเชื่อจากสถาบันการเงิน

กลางปี 2566 STARK ตกอยู่ในภาวะ "ฝีแตก" ส่งงบการเงินล่าช้า พร้อมกับข่าวลือปัญหาภายใน ก่อนบานปลายกลายเป็นข่าวการทุจิต ผ่องถ่ายไซฟ่อนเงินของผู้บริหาร และการแต่งบัญชีงบการเงินตบตานักลงทุนทั้งโลก

ราคาหุ้น STARK เคยถูกลากขึ้นไปสูงสุดที่ 5.10 บาทในปี 2565 โดยนายวนรัชต์ ได้ทยอยขายหุ้นทำกำไร จนล่าสุด สัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 26% ของทุนจดทะเบียน จากที่เคยถือในสัดส่วน 94% ของทุนจดทะเบียน ขณะที่ราคาหุ้นปิดครั้งสุดท้ายเหลือเพียง 2 สตางค์ ก่อนหุ้นถูก SP พักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566

การวางแผนปล้นดื้อๆ ปล้นหน้าด้านๆ โดยการแต่งบัญชี STARK ยังมีคำถามอยู่ว่า ระหว่างนายวนรัชต์ กับนายชนินทร์ ใครเป็นคนต้นคิด ใครคือตัวการที่แท้จริง หรือร่วมกันสมคบคิด

คดี STRAK นำหายนะมาสู่นักลงทุนที่หลงติดกับ เข้าไปซื้อหุ้นเกือบ 1 หมื่นราย นำความล่มสลายสู่ประชาชนที่ซื้อหุ้นกู้วงเงินรวมกว่า 9 พันล้านบาทอีกจำนวนประมาณ 6 พันราย ยังไม่รวมกองทุนทั้งและต่างประเทศ หรือนักลงทุนสถาบัน และแบงก์ที่ปล่อยสินเชื่อประมาณ 8 พันล้านบาท

แก๊งปล้น STARK ผ่องถ่ายเงินออกไปจนเกลี้ยงบริษัท ไม่เหลือเผื่อแผ่เยียวยาผู้ลงทุนแม้แต่น้อย

การดำเนินคดีและส่งตัวนายวนรัชต์ เข้าจองจำอาจช่วยเยียวยาด้านจิตใจประชาชนผู้เสียหายจาก STARK ได้บ้าง แต่คงไม่เพียงพอ ตราบใดที่กลุ่มผู้ร่วมแก๊งปล้นบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้ยังลอยนวลอยู่

ใครที่ร่วมขบวนการปล้น STARK ใครที่ได้ส่วนแบ่งเงินที่ปล้นไปจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และใครที่ร่วมกันสร้างความล่มสลายให้นักลงทุนเกือบ 2 หมื่นราย จะต้องไม่หลุดรอดลอยนวล

นอกจากตามยึดเงินที่ปล้นไปนำมาเฉลี่ยคืนนักลงทุนแล้ว จะต้องลากคอแก๊งปล้น STRAK ทุกคนมารับโทษ ชดใช้กรรมให้ครบถ้วนทุกคน








กำลังโหลดความคิดเห็น