รวบตึงทุกเรื่องราว คัดข่าวเด็ด เบ็ดเสร็จในที่เดียว ... MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com
(สรุปข่าวประจำวันที่ 21 - 28 ม.ค. 2567)
อันดับ 1 : คาดไม่ถึงว่าศรีจะกล้า ตำรวจรวบนักร้อง (เรียน) ดัง ตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว พิรุธโยนเงินทิ้งข้างบ้าน
เมื่อวันที่ 26 ม.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นำตำรวจ บก.ปปป.จับกุมนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน คดีที่นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว ร้องเรียนว่าถูกนายศรีสุวรรณพร้อมด้วยนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก คณะทำงานนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. พรรครวมไทยสร้างชาติ ร่วมกันข่มขู่เรียกเงิน 3 ล้านบาท ก่อนเจรจาต่อรองเหลือ 1.5 ล้านบาท แลกกับยุติการร้องเรียนโครงการสนับสนุนลดต้นทุนผลิตด้านการปลูกข้าว และโครงการปรับปรุงการผลิตสำหรับผู้ปลูกข้าว
โดยผู้เสียหายให้ตัวแทนนำเงิน 5 แสนบาทไปมอบให้ภรรยานายศรีสุวรรณที่บ้าน ในหมู่บ้านพฤกษา 17 หมู่ 9 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี มีการหยิบซองเงินเข้าไปภายในบ้าน ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าจับกุม แต่นายศรีสุวรรณพยายามวิ่งนำซองเงินไปโยนทิ้งข้างบ้าน ถูกชุดจับกุมวิ่งไล่ติดตามยึดกลับคืนมาได้ ส่วนตำรวจ สน.ดุสิต ควบคุมตัวนายยศวริศ และ น.ส.พิมณัฏฐา ที่ทำเนียบรัฐบาลไปดำเนินคดี ทั้ง 3 คนให้การปฏิเสธขอให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนให้ประกันตัวนายศรีสุวรรณและนายยศวริศ วงเงิน 400,000 บาท นายศรีสุวรรณอ้างว่าที่โยนเงินเพราะแฟนตนไม่รู้นำมาให้ดู มั่นใจว่าถูกกลั่นแกล้ง
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ผู้เสียหายเจอบัตรสนเท่ห์ตั้งแต่ต้นปี 2566 ต่อมาปลายปี 2566 กลุ่มผู้ต้องหาเริ่มไปคุย กระทั่ง 4 ม.ค. ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ซึ่งมีพยานหลักฐานพอสมควรแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้
อันดับ 2 : พิธารอดดาบแรก ซุกหุ้นไอทีวีจริงแต่ไม่ได้เป็นสื่อ รอดาบสองคดียกเลิกมาตรา 112 ล้มล้างการปกครอง
เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 1 ให้สมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) โดยศาลเห็นว่า นายพิธามีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ตามสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2566 จำนวน 42,000 หุ้น กระทั่งเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2566 นายพิธาโอนหุ้นทางทะเบียนให้กับนายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ และงบการเงินของไอทีวี รอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2565 ระบุประเภทธุรกิจว่าสื่อโทรทัศน์ ถือว่านายพิธาถือหุ้นในบริษัทไอทีวี อยู่ในวันที่พรรคก้าวไกลยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงในการไต่สวนรับฟังได้ว่า ไอทีวีไม่ได้ประกอบกิจการหรือมีรายได้จากกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ เพราะหยุดดำเนินกิจการนับตั้งแต่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) บอกเลิกสัญญาตั้งแต่ปี 2550 ทำให้สิทธิคลื่นความถี่ในไอทีวีกลับมาเป็นของ สปน. และไอทีวีไม่มีคลื่นความถี่ที่ดำเนินการได้อีกต่อไป หากท้ายสุดไอทีวีชนะคดี ก็มิได้มีผลให้ไอทีวีได้รับมอบคืนคลื่นความถี่ และดำเนินกิจการสถานีวิทยุโทรทัศน์ UHF ได้อีก นายพิธาจึงมิใช่ผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) สมาชิกภาพ ส.ส.จึงไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ
อนึ่ง ในวันที่ 31 ม.ค. เวลา 14.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยคดีที่นายพิธา และพรรคก้าวไกล เสนอยกเลิกมาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่
อันดับ 3 : ไล่บี้ผู้ปกครอง 5 โจ๋ฆ่าป้าบัวผัน คดีงอกฆ่าผู้อื่น-ข่มขืน-อนาจาร ดีเอสไอรับคดี ลุงเปี้ยก พ.ร.บ.อุ้มหาย
ความคืบหน้ากรณีเยาวชน 5 คน อายุ 13-16 ปี หนึ่งในนั้นเป็นลูกตำรวจ สภ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว รุมทำร้ายป้าบัวผัน หรือ น.ส.บัวผัน ตันสุ อายุ 47 ปี ถึงแก่ความตาย เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ตำรวจนำผู้ปกครองให้พนักงานอัยการเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสระแก้ว ส่งฟ้องศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสระแก้ว ข้อหาปล่อยปละละเลย แต่สำนวนไม่เรียบร้อย ตีกลับไปทำสำนวนคดีมาใหม่ วันต่อมาศาลแจ้งว่าเลื่อนนัดฟังคำพิพากษาไปวันที่ 13 มี.ค.2567 เวลา 10.00 น. และศาลมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะและพินิจจำเลยก่อนมีคำพิพากษา ขณะที่ผู้ปกครองเยาวชนทั้งหมดยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวออกไป
ด้าน พล.ต.ต.ออมสิณ บุญญานุสนธิ์ ผบก.ภ.จ.สระแก้ว เปิดเผยว่า ตำรวจติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาเรียบร้อยแล้ว จากการขยายผลพบว่ากลุ่มเยาวชนเคยก่อเหตุมาแล้ว 7-8 คดี รวมถึงคดีฆาตกรรมป้าบัวผัน คดีฆ่าผู้อื่น ข่มขืน และกระทำอนาจาร
ส่วนกรณีที่ตำรวจจับกุม นายปัญญา คงแสนคำ หรือลุงเปี๊ยก อายุ 56 ปี ให้เป็นแพะรับบาป ใช้ถุงดำคลุมหัวให้ถอดเสื้อตากแอร์ขู่บังคับให้รับว่าเป็นคนร้าย ปรากฎว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับคดีลุงเปี๊ยกเป็นคดีพิเศษ นับเป็นคดีแรกหลัง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย มีผลบังคับใช้เมื่อปี 2565 ก่อนหน้านี้ตำรวจตั้งกรรมการสอบพบว่า พ.ต.ท.พิชิต วัฒโน รอง ผกก.สส. และ ด.ต.ภิเศก พวงมาลีประดับ หรือดาบเศก ผบ.หมู่ (สส.) ทำผิดวินัยตำรวจ และ ด.ต.ภิเศก ยังกระทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
อันดับ 4 : สิงโตหลุดพัทยาชาวบ้านผวา รายแรกต่างชาติให้นั่งท้ายเบนท์ลีย์เปิดประทุน อีกรายปล่อยวิ่งบนถนน
ทำเอาชาวเมืองพัทยาถึงกับผวา เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ชาวเน็ตแห่แชร์ภาพชาวต่างชาติขับรถหรูเบนท์ลีย์เปิดประทุน โดยมีลูกสิงโตนั่งอยู่ท้ายรถ วิ่งโชว์รอบถนนในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ทำให้ชาวบ้านต่างพากันตกใจ และวิจารณ์การนำสัตว์ดุร้ายมาเลี้ยง และยังนำออกโชว์ในแหล่งท่องเที่ยว เกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว ต่อมาตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ตรวจค้นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นในซอยเขาพระตำหนัก 5 พบว่าสิงโตลงทะเบียนไว้ที่จังหวัดราชบุรี โดยมีหญิงไทยเป็นเจ้าของ ขณะที่ทนายความเจ้าของสิงโตเข้าพบและขอนัดหมายแสดงเอกสารการครอบครอง จึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
อีกกรณีหนึ่ง เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ชาวบ้านร้องเรียนว่าพบสิงโตหลุดจากกรง วิ่งบนถนนในเขตชุมชน ซอยเขามะกอก 13 หมู่ 4 ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ตรวจค้นบ้านเดี่ยวในซอยดังกล่าว พบเจ้าของบ้านอ้างว่าซื้อสิงโตมาจากฟาร์มกระป๋องสี ไลออน ซู จ.นครปฐม ในราคา 500,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไมโครชิพ พบว่าตรงแค่ตัวเดียว ส่วนอีกตัวไม่ตรงกับหนังสือส่งมอบสิงโต จึงขอยึดสิงโตด้วยการยิงยาสลบก่อนจะเคลื่อนย้ายไปไว้ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าบางละมุง (เขาชีโอน) ทีแรกเจ้าของไม่ยินยอม แต่สุดท้ายให้นำสิงโตใส่กรงขึ้นรถบรรทุกขนาดใหญ่เคลื่อนย้ายออกไป
อันดับ 5 : ฆ่าหวานเจี๊ยบเน็ตไอดอลสาว-ดีเจ EDM เฮียแฟนหนุ่มจัดฉากฆ่าตัวตาย สุดท้ายหลบหนียิงตัวตายหนีผิด
คดีฆาตกรรมเน็ตไอดอลสาว เมื่อเช้ามืดวันที่ 22 ม.ค. ตำรวจ สน.ห้วยขวาง รับแจ้งเหตุหญิงสาวยิงตัวตายภายในห้องชั้น 26 คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ซอยประชาอุทิศ 24 แขวงและเขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ พบ น.ส.ธมลวรรณ เฉลิมชัยศรี หรือน้องหวานเจี๊ยบ อายุ 23 ปี ดีเจแนว EDM และเน็ตไอดอลมีผู้ติดตามนับแสนคน ถูกยิงที่กกหูซ้ายนอนเสียชีวิต สภาพเปลือยกายไม่สวมเสื้อผ้า โดยที่มือซ้ายจับปืนกล็อก 26 ขนาด 9 มม. เพื่อนผู้ตายให้การว่าน้องหวานเจี๊ยบอาศัยอยู่ภายในคอนโดฯ กับนายติณห์ หลวงจินดา หรือเฮียชัช อายุ 40 ปี แฟนที่เพิ่งคบหาได้ประมาณ 2 ปี ที่ผ่านมามีปัญหาทะเลาะตบตีกันบ่อย จะบอกเลิกก็ไม่ยอม
ต่อมาบ่ายสามโมงวันเดียวกัน ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี ไปที่ห้องชั้น 58 คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ซอยนนทบุรี 15 อ.เมืองฯ จ.นนทบุรี เพื่อติดตามตัวนายติณห์มาสอบปากคำ พยายามเรียกแล้วแต่ไม่มีเสียงตอบรับ เมื่อพังประตูเข้าไปพบนายติณห์ยิงขมับขวา นอนหายใจรวยรินบนเตียงก่อนเสียชีวิต สำหรับสาเหตุตำรวจมุ่งไปที่ปัญหาส่วนตัวและความหึงหวง ขณะที่เพื่อนของน้องหวานเจี๊ยบระบุว่ามาจากเรื่องเงิน เพราะเฮียชัชให้เงินจากการจำนองบ้านแก่น้องหวานเจี๊ยบ 1 ล้านบาทเป็นของขวัญ แต่กลับขอเงินคืนเพราะเล่นพนันที่ปอยเปต กัมพูชาจนหมดตัว แต่น้องหวานเจี๊ยบจะเอาไปลงทุนขายครีม มีปากเสียงกัน
อันดับ 6 : "ราอูล" เศรษฐีน้ำมันควัก 16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ร่วมพันธมิตร Miss Universe ถือหุ้น 50%
ดีลสะเทือนวงการนางงาม เมื่อเพจ Inside Beauty PR เพจกูรูนางงามโพสต์ข้อความว่า แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ขายองค์กรมิสยูนิเวิร์สให้กับ นายราอูล โรชา คานตู เจ้าของธุรกิจบ่อน้ำมันชาวละตินอเมริกา เข้ามารับผิดชอบด้านแบรนด์และผลิตภัณฑ์ และจะรับผิดชอบจัดงานมิสยูนิเวิร์สที่ประเทศเม็กซิโกในเดือน พ.ย.นี้ กระทั่งวันที่ 23 ม.ค. แอน จักรพงษ์ แถลงข่าวขายหุ้นบริษัทในเครือ JKN Legacy ผู้ถือลิขสิทธิ์การประกวดมิสยูนิเวิร์ส 50% ให้กับนายราอูล ด้วยมูลค่าลงทุน 16 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 581.92 ล้านบาท
แอน จักรพงษ์ กล่าวว่า JKN Legacy บรรลุข้อตกลงการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partnership) กับนายราอูล สะท้อนถึงศักยภาพแบรนด์ Miss Universe ได้เป็นอย่างดี บริษัทฯ มีแผนนำเงินที่ได้จากการทำธุรกรรมในครั้งนี้เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง เป็นเงินทุนหมุนเวียน และเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ สำหรับนายราอูลจะสนับสนุนธุรกิจ โดยให้สิทธิผลิตสินค้าหรือบริการหรือเครื่องหมายการค้า ภายใต้แบรนด์ Miss Universe แก่กลุ่มผู้ประกอบการในกลุ่มประเทศละตินอเมริกา ถึงกระนั้น JKN จะยังคงมีอำนาจควบคุม JKN Legacy อยู่ และแอน จักรพงษ์ ยังคงดำรงตำแหน่ง CEO ของ MUO ต่อไป
อันดับ 7 : ประมูลสุนัขทหาร 54 ตัวคึกคัก ลีแอน สุนัขสาวลาบราดอร์ฯ จมูกสีชมพูมัดใจ คว้าราคาสูงสุดเกือบ 1 แสน
การประมูลสุนัขทหารที่ไม่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก เพื่อหาบ้านใหม่ เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่ศูนย์การสุนัขทหาร กรมการสัตว์ทหารบก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จำนวน 54 ตัว แยกเป็น 3 สายพันธุ์ ประกอบด้วย ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์, เบลเยียม มาลินอยส์ และ เยอรมันเชพเพิร์ด ปรากฎว่ามีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลอย่างคึกคัก โดยสุนัขที่มีราคาประมูลสูงที่สุด ได้แก่ สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ เพศเมีย ชื่อ ลีแอน วัย 2 ปี 10 เดือน ราคาอยู่ที่ 95,000 บาท ซึ่งนายนายวีรชาติ ทองเผือก เป็นผู้ประมูลไป ระบุว่าตั้งใจอยากจะเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ ได้เห็นลีแอนมีความฉลาด อีกทั้งมีจมูกสีชมพู เลยเกิดความชอบ ตั้งใจจะเลี้ยงเป็นลูก
สำหรับสุนัขที่ได้รับการฝึกจากศูนย์การสุนัขทหาร จะมีทั้งตัวที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก เพื่อส่งต่อไปปฏิบัติภารกิจทางการทหาร ตรวจค้นวัตถุระเบิด ภารกิจกู้ภัยกู้ชีพ ตรวจค้นยาเสพติด ป้องกันอาชญากรรม ส่วนตัวที่ไม่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก เช่น สภาพร่างกายอ้วนเกินไป บุคลิกไม่เล่น ไม่คาบ นิสัยใจคอนิ่งเฉย ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม เชื่องช้า เฉื่อยชา ปฏิกิริยาตอบสนองทำตามคำสั่งไม่ได้ ขาดไหวพริบและความกระตือรือร้น ก็จะถูกนำมาประมูลเพื่อให้ประชาชนที่สนใจรับไปเลี้ยงต่อ หรือให้น้องหมาได้บ้านใหม่ สำหรับรายได้จากการประมูลครั้งนี้นำเข้าหน่วยงานคลัง เพื่อใช้ในโครงการที่เกี่ยวข้องกับสุนัขทหารต่อไป
