xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ตร.ไม่ขอแก้ตัว สั่งสอบเชิงลึกทุกประเด็นคดี "ป้าบัวผัน" ยอมรับตำรวจต้นทุนต่ำภาพติดลบ ยันหาภาพวงจรปิดก่อนสื่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.
ผบ.ตร.ขอไม่แก้ตัว สั่ง "รองโจ๊ก-ผบช.ภ.2" ตรวจสอบเชิงลึกทุกประเด็นคดีฆาตกรรมป้าบัวผัน ยันหาภาพวงจรปิดก่อนสื่อหลังพบข้อสงสัย ยอมรับตำรวจต้นทุนต่ำภาพติดลบ สั่งรวบรวมสถิติคดีอาญาเกี่ยวข้องกับเยาวชนย้อนหลัง 5 ปี ชง ยธ.ปรับแก้กฎหมาย

วันนี้ ( 17 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงคดีฆาตกรรม นางบัวผัน ตันสุ หรือ ป้ากบ อายุ 47 ปี หญิงเร่ร่อน ที่ถูกคนร้ายฆ่าทุบหัว นำไปโยนทิ้งบ่อน้ำหลังปั๊มน้ำมันเก่า ข้างโรงเรียนแห่งหนึ่ง เขตเทศบาลเมืองอรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังเหิดเหตุตำรวจ สภ.อรัญประเทศ จับตัวนายปัญญา อายุ 56 ปี หรือ ลุงเปี๊ยก สามีของผู้เสียชีวิต แต่ปรากฏว่าผู้ก่อเหตุคือกลุ่มเยาวชน 5 คน ว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอรายงานอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร จาก พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภาค 2 ถึงมูลเหตุ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด แต่ยืนยันว่า ตั้งแต่นายปัญญามามอบตัวกับตำรวจ และรับสารภาพก็ได้พาตัวไปชี้จุดเกิดเหตุ รวมทั้งเก็บพยานหลักฐาน คราบเลือด ดีเอ็นเอ เพื่อส่งตรวจ แต่ผลยังไม่ออก และยังมีเหตุสงสัยทางคดี จึงได้ส่งตัวไปฝากขังไว้ก่อนตามกฎหมาย

หลังจากนั้นได้ส่งชุดสืบสวนไปตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามข้อสงสัย และเมื่อได้ภาพจากกล้องวงจรปิดมาแล้ว ก็พบว่าผู้ก่อเหตุฆาตกรรมไม่ใช่นายปัญญา จึงได้ไปทำเรื่องขอปล่อยตัวออกจากเรือนจำทันที พร้อมยอมรับว่า ในส่วนตัวคดีนี้ก็มีความสงสัยจึงสั่งการให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ลงไปตรวจสอบรายละเอียดในเชิงลึกทั้งหมดในทุกประเด็น และเชื่อว่าจะได้ความกระจ่างทางคดี หากพบว่ามีตำรวจนายใดเข้าไปเกี่ยวข้องทางคดีที่ผิดกฎหมายก็จะดำเนินการอย่างไม่ละเว้น

ส่วนกรณีประชาชนที่ไม่สบายใจกับการทำงานของตำรวจในคดีนี้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เปิดเผยว่า ขอให้ตำรวจทำงานให้ครบถ้วนทุกประเด็น และตามพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และจะเคลียร์ได้ทุกประเด็น ในตอนนี้หากพูดไปก็เหมือนการแก้ตัว หากพบใครทำผิดจริงก็จะดำเนินคดี ไม่มีการช่วยบุคคลใด และจะเห็นได้กว่า ช่วงทีเกิดเหตุตอนแรกก็ได้สั่งการย้ายตำรวจที่มีความสัมพันธ์กับผู้ต้องหาออกมาจากพื้นที่แล้ว เพื่อป้องกันการเข้าไปแทรกแซงการทำงานของตำรวจชุดทำคดี

ส่วนการนำตัวนายปัญญาไปฝากขังในระหว่างที่ทำคดียังไม่สิ้นสุดนั้น พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยืนยันว่า ทางตำรวจได้ค้นหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดมาก่อนสื่อมวลชน หลังจากการสอบสวนแล้วพบข้อสงสัย จึงได้ไปไล่กล้องตรวจสอบทั้งหมด แต่ยอมรับว่ายังไม่ได้ไปคุยกับเจ้าของกล้องวงจรปิดว่าตำรวจ หรือ สื่อมวลชน เข้าไปเจอภาพจากกล้องวงจรปิดก่อน ในช่วงเย็นวันนี้ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จะรายงานขึ้นมาให้ทราบถึงรายละเอียดทางคดีทั้งหมด

ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีที่สังคมกล่าวหาถึงครอบครัวตำรวจมักจะไปก่อเหตุ โดยยอมรับว่าต้นทุนทางสังคมตำรวจมักจะติดลบอยู่แล้ว แต่ตำรวจทั้งประเทศมีอยู่กว่า 2 แสนนาย แต่เมื่อมีผู้ก่อเหตุที่เป็นลูกตำรวจ หรืออดีตตำรวจ ก็มักจะเป็นข่าว แต่อยากให้เห็นว่าที่ผ่านมาก็มีเยาวชนที่ก่อเหตุอาชญากรรมที่ไม่ใช่ลูกตำรวจอยู่จำนวนไม่น้อย แต่อยากให้เชื่อมั่นว่า ที่ผ่านมาตำรวจก็ทำคดีไปตามพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และพยายามตัดวงจรให้ได้มากที่สุด เช่นเดียวกับคดี ครูเจี๊ยบ น้องหยอด ที่พยายามทำให้เห็นวงจรอาชญากรรมของเครือข่ายนี้ให้ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการรวบรวมสถิติทางคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนย้อนหลังไป 5 ปี เพื่อนำมาวิเคราะห์ถึงพฤติกรรม และจะส่งต่อให้กระทรวงยุติธรรมพิจารณาดำเนินการในการแก้กฎหมายกับเยาวชนที่กระทำผิดร้ายแรงได้บ้าง โดยให้ส่งรายงานมาให้ภายในวันที่ 31 ม.ค. นี้


กำลังโหลดความคิดเห็น