ท่ามกลางภาวะซบเซาสุดขีด ดัชนีหุ้นอยู่ในช่วงขาลงเต็มตัว จนฟังธงกันแล้วว่า แนวรับระดับ 1,350 จุดจะเอาไม่อยู่ แต่จู่ๆ ก็มีข่าวดีที่เหนือความคาดหมายชิ้นใหญ่เข้ามาปลุกตลาดหุ้นให้เด้งกลับขึ้นมาอย่างร้อนแรงเมื่อวันพุธที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา
มติศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยว่า การถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ถือเป็นความผิดขัดรัฐธรรมนูญ และทำให้นายพิธา ยังคงฐานะเป็น ส.ส. กลายเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนแห่ตะลุยไล่ซื้อหุ้นกันทันที
มติศาลรัฐธรรมนูญออกมาในช่วงบ่ายวันที่ 24 มกราคม ซึ่งเมื่อเปิดการซื้อขายหุ้นภาคบ่าย แรงซื้อได้ไหลทะลักเข้ามาในหุ้นแทบทุกกลุ่ม ทำให้ราคาปรับตัวขึ้น กระดานหุ้นเขียวขจี ดัชนีที่มีลักษณะประคองตัว พุ่งทะยานขึ้น ก่อนปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,381.19 จุด เพิ่มขึ้น 24.65 จุด มูลค่าซื้อขาย 53,763.46 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนต่างชาติยังปักหลักขายต่อเนื่องอีก 570.92 ล้านบาท พอร์ตโบรกเกอร์ขาย 356.35 ล้านบาท โดยนักลงทุนสถาบันหรือกองทุนซื้อหุ้น 852.62 ล้านบาท ส่วนนักลงทุนรายย่อยซื้อ 74.65 ล้านบาท
บรรยากาศการซื้อขายหุ้นซบเซาต่อเนื่องนับจากต้นปี ดัชนีทรุดลงตลอด จากจุดปิดสิ้นปี 2566 ที่ระดับ 1,415.85 จุด ลงมาเหลือเพียง 1,356 จุด โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากนักลงทุนต่างชาติเทขาย โดยยอดขายหุ้นสะสมนับจากต้นปีจนสิ้นสุดวันที่ 24 มกราคมมีจำนวนทั้งสิ้น 23,868.49 ล้านบาท
นักลงทุนในประเทศเป็นผู้ซื้อขายรายใหญ่ ซื้อสวนหมัดต่างชาติ โดยมียอดซื้อหุ้นสะสมจำนวน 26,915.62 ล้านบาท
ดัชนีหุ้นที่พุ่งทะยานเมื่อวันพุธ นักลงทุนรายย่อยควรจะชิงจังหวะขายหุ้นออก เพราะเก็บหุ้นสะสมมาติดต่อหลายปี โดยปี 2566 ซื้อหุ้นสุทธิประมาณ 1.2 แสนล้านบาท
แต่รายย่อยกลับซื้อหุ้นอีก โดยหุ้นลงก็ซื้อ หุ้นขึ้นยังซื้ออีก จนไม่รู้ว่าจะหาจังหวะขายเมื่อไหร่
การที่ตลาดหุ้นกระฉับกระเฉง การซื้อขายคึกคักสุดขีดขึ้นมา เพราะคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญกรณีนายพิธา ถือหุ้น ITV นักลงทุนมองว่าเป็นปัจจัยบวก โดยนักลงทุนหมดกังวลกับปัญหาการชุมนุมประท้วงของมวลชนพรรคก้าวไกล และจะไม่เกิดความวุ่นวายทางการเมืองตามมา
แต่ประเด็นนายพิธา เป็นผลจิตวิทยาเชิงบวกระยะสั้นเท่านั้น และไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงใดๆ กับปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้น
ความกังวลในผลกระทบจากการเมืองระหว่างประเทศ ภาวะสงครามที่ปะทุหลายจุด และเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา นักท่องเที่ยวอาจไม่ได้เข้ามาในประเทศไทยตามตัวเลขที่ตั้งเป้าไว้ รวมทั้งเศรษฐกิจในประเทศที่ตกต่ำ รวมทั้งผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่ชะลอตัว ยังเป็นปัจจัยที่ครอบงำตลาดอยู่
และที่สำคัญคือ ต่างชาติยังเทขายหุ้นไม่เลิก โดยไม่มีสัญญาณกลับมาซื้อ ซึ่งส่งผลต่อการฟื้นตัวของตลาด
ปฏิกิริยาตอบรับข่าวดี นายพิธา รอดจากคดีถือหุ้น ITV นักลงทุนตอบรับไปหมดแล้ว และกลับมาเผชิญหน้ากับความจริงว่า ตลาดหุ้นยังถูกปัจจัยลบรุมล้อม
แนวโน้มหุ้นยังมีความเสี่ยงที่จะถดถอยลงต่อ และจะไม่มีข่าวดีนอกเหนือความคาดหมาย เหมือนข่าวนายพิธาเกิดขึ้นง่ายๆ อีก
4 สัปดาห์แรกของบปี 2567 ของตลาดหุ้นกำลังผ่านพ้นไป พร้อมกับสัญญาณหุ้นอาจฟุบต่ออีกปี