ราคาน้ำมันทรงตัวในวันจันทร์ (11 ก.ย.) หลังจากสัปดาห์ที่แล้วขยับขึ้นแตะระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน ส่วนวอลล์สตรีทและทองคำปิดบวก หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง ในขณะที่นักลงทุนจับตาไปที่ข้อมูลเงินเฟ้อ
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 22 เซนต์ ปิดที่ 87.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1 เซนต์ ปิดที่ 90.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่า พวกเขาจะขยายมาตรการสมัครใจลดกำลังผลิตรวมกันเป็น 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงสิ้นปี
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวบดบังความกังวลที่มีต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีน โดยในวันจันทร์ (11 ก.ย.) วัลลีย์ อเดเยโม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ชี้ว่าปัญหาเศรษฐกิจของจีนดูเหมือนจะส่งผลกระทบในระดับท้องถิ่น มากกว่าที่จะส่งผลกระทบมาถึงอเมริกา
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันจันทร์ (11 ก.ย.) นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ (13 ก.ย.) ซึ่งจะให้เงื่อนงำเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 87.13 จุด (0.25 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,663.72 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 29.97 จุด (0.67 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,487.46 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 156.37 จุด (1.14 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 13,917.89 จุด
การซื้อขายที่ค่อนข้างขาดความกระตือรือร้น ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณแห่งความสงบก่อนหน้าพายุใหญ่ ท่ามกลางข้อมูลทางเศรษฐกิจต่างๆ ของสหรัฐฯ ที่มีกำหนดเผยแพร่ในสัปดาห์นี้ ในนั้นรวมถึงรายงานราคาผู้บริโภคอันสำคัญยิ่ง
ดัชนีราคาผู้บริโภคของประเทศ (CPI) จะช่วยฉายภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับเงินเฟ้อของเดือนสิงหาคม และจะมอบข้อบ่งชี้บางอย่างในเรื่องเกี่ยวกับระยะเวลาของวงจรนโยบายกระชับทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ
เฟด ซึ่งไม่ตัดโอกาสสำหรับปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติม ให้คำสัญญาว่าจะยังคงดำเนินการอย่างกระฉับกระเฉงในการตอบสนองกับข้อมูลทางเศรษฐกิจ
ส่วนราคาทองคำในวันจันทร์ (11 ก.ย.) ปรับขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกักน หลังดอลลาร์อ่อนค่าลงก่อนหน้าที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 4.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,947.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)