การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก้าวสู่สัปดาห์ที่ 3 แล้ว แต่บรรยากาศการลงทุนยังเต็มไปด้วยความเงียบเหงา ดัชนีหุ้นซึมลง จนล่าสุดวันจันทร์ที่ 15 มกราคมที่ผ่านมาปิดที่ 1,407.02 จุด มูลค่าซื้อขายเหลือเพียง 32,633 ล้านบาทเท่านั้น
ดัชนีสิ้นปี 2566 ปิดที่ 1,415.85 จุด นับจากต้นปี 2567 ดัชนีลดลงไปแล้ว 8.83 จุด นักลงทุนต่างชาติที่ขายหุ้นในปี 2566 จำนวน 1.49 แสนล้านบาท และยังขายต่อเนื่องในปีนี้ โดยมียอดขายหุ้นสะสมจำนวน 6,796.89 ล้านบาท
สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุนประเมินภาพรวมตลาดหุ้นปีมังกรไว้ในด้านบวก โดยมองว่า ตลาดหุ้นจะกระเตื้องขึ้น และประมาณการเป้าหมายดัชนีปลายปีระหว่าง 1,550-1ป700 จุด
แต่มีนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์บางสำนักเตือนว่า ดัชนีมีโอกาสทรุดลงไปแตะระดับ 1,200 จุดได้เหมือนกัน ในช่วงที่ตลาดหุ้นเลวร้ายสุดขีด แต่บทสรุปภาพรวมทั้งปียังมีความเห็นสอดคล้องกับสมาคมนักวิเคราะห์ โดยหุ้นปีนี้จะฟื้นตัวขึ้นจากปีก่อน
เพียงแต่บรรยากาศการซื้อขายหุ้นในช่วง 3 สัปดาห์แรก อาจเป็นสัญญาณเตือนนักลงทุนให้รู้ว่า อย่ามองโลกสวย อย่าปักใจว่าหุ้นต้องฟื้น ยังต้องระมัดระวังความเสี่ยงจากภาวะตลาดหุ้นผันผวน
ปัจจัยในด้านบวกที่สนับสนุนมุมมองการดีดตัวกลับของตลาดหุ้น ประกอบด้วย ภาวะเศรษฐกิจที่หวังว่าจะฟื้นตัว ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตขึ้น แนวโน้มดอกเบี้ยขาลง นักท่องเที่ยวกลับมาประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน กลับเปิดวีซ่าถาวรระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน
และปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่สุดคือ การกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ
แต่ปัจจัยในเชิงบวกหลายด้านกำลงถูกหักล้าง ไม่ว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจถูกกระทบจากภูมิรัฐศาสตร์หรือความขัดแย้งการเมืองระหว่างประเทศ รวมทั้งสงครามที่ไม่สงบในหลายจุด
เศรษฐกิจจีนยังไม่สดใส เพราะถูกกระทบจากวิกฤตภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่เดินทางมาประเทศไทยตามเป้าหมาย 8 ล้านคน
ถ้าเศรษฐกิจไม่ฟื้น ผลประกอบการบริษัทจะเติบโตได้อย่างไร
นอกจากนั้น ยังมีความกังวลผลกระทบการที่บริษัทจดทะเบียนจะเกิดปัญหาการผิดนัดชำระหนี้อีกด้วย หลังจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ขอขยายเวลาไถ่ถอนหุ้นกู้วงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาทออกไป 2 ปี และอาจมีบริษัทจดทะเบียนที่เบี้ยวหนี้หุ้นกู้ตามมาอีก
การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ไม่เพียงกระทบราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนที่ออกหุ้นกู้เท่านั้น ยังทำลายความเชื่อมั่นนักลงทุน จนเกิดความหวาดผวาบริษัทจดทะเบียนที่ออกหุ้นกู้ และครบกำหนดไถ่ถอนในปีนี้ ซึ่งวงเงินรวมหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนทั้งสิ้นประมาณ 1.07 ล้านบาท
ปัจจัยหนุนสำคัญที่สุดสำหรับตลาดหุ้นปีมังกรทองคือ การไหลกลับของนักลงทุนต่างชาติ โดยนักวิเคราะห์หรือกูรูหุ้นแทบทั้งหมดเชื่อว่า ต่างชาติจะขนเงินกลับมาลงทุน เนื่องจากหุ้นไทยปรับตัวลงมาอยู่ในระดับต่ำ สร้างแรงจูงใจการลงทุน
และปีที่ผ่านมา ต่างชาติขายหุ้นออกมาเยอะแล้ว จึงไม่น่าจะขายต่อ ซึ่งแนวโน้มเศรษฐกิจมีการฟื้นตัว ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเติบโตขึ้น จะเป็นแรงกระตุ้นให้ต่างชาติเข้ามาไล่ซื้อหุ้นเก็บ
แต่การกลับมาของต่างชาติยังเป็นเพียงความหวังที่เลือนราง และสัปดาห์แรกต่างชาติยังเทขายหุ้นต่อเนื่องจากปีก่อน โดยไม่มีใครรับประกันว่า ปีนี้ต่างชาติจะไม่ขายหุ้นหนักเหมือนปีก่อน
การฟื้นตัวของหุ้นปีมังกรไม่ได้ใสปิ๊งเสียทีเดียว แต่มีตัวแปร มีปัจจัยลบที่ต้องเฝ้าระวัง ทั้งจากภายนอกและภายใน
เพราะถ้าไม่ระวัง ปีนี้จะเป็นอีกปีที่แมลงเม่าต้องสะบักสะบอมซ้ำรอยปีเก่า