หุ้นไทยปิดลบ 5.28 จุด นักวิเคราะห์เผย นักลงทุนกังวลหุ้นกลุ่มแบงก์ตั้งสำรองเพิ่ม หลังพบแนวโน้มธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กอาจขตั้งสำรองเพิ่ม จากความไม่มั่นใจศักยภาพว่ากลุ่มธนาคารใหญ่มีการปล่อยกู้ให้ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) หรือไม่ และสามารถชำระหนี้ได้หรือไม่ นอกจากนี้ยังมีประเด็นราคารถยนต์มือสอง ที่ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงเข้ามาเพิ่ม ประเมินกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวรับที่ 1,400 จุด และแนวต้านที่ 1,420 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 11 มกราคม 2567 ปรับตัวลดลง -5.28 จุด หรือ -0.37% โดยปิดตลาดที่ 1,408.24 จุด มูลค่าซื้อขาย 35,536.61 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นในวันนี้ ดัชนีปรับตัวลดลง โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,417.64 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,407.26 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน165 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 172 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 311 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +1,187.66 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า +8.56 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -1,066.36 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -129.87 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,483.10 ล้านบาท ปิดที่ 129.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
2.BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,168.48 ล้านบาท ปิดที่ 149.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
3.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,134.62 ล้านบาท ปิดที่ 62.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
4.COM7 มูลค่าการซื้อขาย 1,076.75 ล้านบาท ปิดที่ 23.20 บาท ลดลง 1.40 บาท
5.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 946.95 ล้านบาท ปิดที่ 54.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BH ปิดที่ 238.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาทหรือ 1.28%
2.MOSHI ปิดที่ 51.75บาท เพิ่มขึ้น 2.00บาทหรือ 4.02%
3.SCB ปิดที่ 105.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาทหรือ 0.96%
4.PTTEP ปิดที่ 149.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาทหรือ 0.68%
5.EGCOปิดที่ 130.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาทหรือ 0.78%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่ 289.00 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ 1.37%
2.AEONTS ปิดที่ 156.00 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 2.19%
3.COM7 ปิดที่ 23.20 บาท ลดลง 1.40 บาท หรือ5.69%
4.JMT ปิดที่ 26.25 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 3.67%
5.M ปิดที่ 38.25 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ 2.55%
ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,915.10 จุด ลดลง -8.01 จุด หรือ -0.42% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 863.87 จุด ลดลง -3.12 จุด หรือ -0.36% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 415.50 จุด ลดลง -2.68 จุด หรือ -0.64%
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่าตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลง อ่อนแอกว่าตลาดภูมิภาค โดยตลาดหุ้นไทยมีแรงขายทำกำไรในหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่ตลาดมีความไม่มั่นใจในผลประกอบการ อาทิ หุ้นกลุ่ม JMART และกลุ่มค้าปลีก เช่น COM7 GLOBAL และ SINGER
ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มค้าปลีกในช่วงที่ผ่านมา ก็มีแรงขายเก็งกำไรเชิงบวกจากการคาดการณ์ ผลดีจากมาตรการ Easy e-Reciept แต่มาตรการดังกล่าวต้องมีการพิจารณาช่วงที่ผลประกอบการดีจะเป็นไตรมาส 1/67 ขณะที่ไตรมาส 4/66 เป็นช่วงของการประกาศมาตรการ ทำให้ตลาดไม่สามารถคาดการณ์ว่าแนวโน้มไตรมาส 4/66 จะดีจริงหรือไม่ สะท้อนจากนักลงทุนที่จะซื้อช่วงปลายปี 66 ส่วนหนึ่งอาจมีการชะลอการซื้อเพื่อมาซื้อช่วงต้นปี 2567 แทน ทำให้วันนี้มีการปรับลดลงมากเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น
ขณะที่กลุ่มธนาคารปรับตัวลง หลังมีความกังวลในการตั้งสำรอง ทั้งธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กจากเรื่องราคารถยนต์มือสองที่ปรับลดลงแรง นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจว่ากลุ่มธนาคารใหญ่ มีการปล่อยกู้ให้ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) หรือไม่ แม้ว่า ITD อาจจะสามารถเลื่อนจ่ายเงินต้นหุ้นกู้ แต่ในแง่ของธนาคารซึ่งเป็นผู้ปล่อยกู้อาจจะมีการตั้งสำรองบางส่วน ส่งผลให้ลดทอนปัจจัยเชิงบวกของกลุ่มธนาคารใหญ่ไป
"แนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้ช่วงสั้นมองว่าโอกาสที่จะชะลอตัวลดลง ลดลงมาใกล้ระดับ 1,400 จุด ซึ่งน่าจะเป็นจุดที่ตลาดเริ่มตั้งหลัก โดยคืนนี้จะมีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐซึ่งตลาดมองว่าตัวเลขน่าจะชะลอตัวลง อย่างไรก็ตามมองว่าเงินเฟ้อสหรัฐมีผลต่อตลาดไม่มาก ซึ่งตลาดรอติดตามผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4/66 ซึ่งสัปดาห์หน้าจะประกาศผลประกอบการกลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยคาดว่าดัชนีจะแกว่งตัว บริเวณแนวรับ 1,400 จุดและแนวต้าน 1,420 จุด" นายกิจพณ กล่าวทิ้งท้าย