ยิ่งใกล้วันประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2566 หุ้นแบงก์ยิ่งดิ่งลง โดยเฉพาะวันพุธที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ราคาหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่ถูกถล่มขายอย่างหนัก เพราะถูกมรสุมข่าวร้ายกระหน่ำรอบด้าน
สัปดาห์หน้า ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 4 แล้ว และนักวิเคราะห์คาดหมายว่า จะมีผลกำไรที่เติบโตขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน แต่ราคาหุ้นกลับตอบรับในเชิงลบ เนื่องจากถูกผลกระทบในหลายด้าน
โบรกเกอร์ต่างประเทศบางแห่งมีมุมมองในเชิงลบกับหุ้นกลุ่มแบงก์ ขณะที่แบงก์ชาติถกแรงกดดันจากรัฐบาลที่ต้องการให้ลดดอกเบี้ย
และมีความกังวลในฐานะการเงินของบริษัทเอกชน หลังจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD ประกาศขอพักชำระหนี้หุ้นกู้ออกไป 2 ปี
ปัญหาการผิดนัดชำระหนี้จะกระทบต่อผลประกอบการของกลุ่มธนาคาร เพราะมีภาระต้องตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มขึ้น
แรงขายที่พุ่งเข้าใส่หุ้นกลุ่มแบงก์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่วนใหญ่น่าจะเป็นแรงขายของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งมียอดขายหุ้นสุทธิกว่า 1,827.92 ล้านบาทในวันเดียวกัน และขายหลังจากโบรกเกอร์ต่างประเทศลดคำแนะนำลงทุนหุ้นแบงก์
หุ้นธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL หุ้นธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และหุ้นบริษัท เอสซีบี เอ๊กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ร่วงลงแรงมาก ซึ่งแต่ละธนาคารมีผู้ถือหุ้นรายย่อยเฉียด 1 แสนราย
การพร้อมใจกันปักหัวลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร จึงส่งผลกระทบต่อนักลงทุนจำนวนหลายแสนคน
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารยังติดกลุ่มหุ้นที่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ โบรกเกอร์แทบทุกสำนักแนะนำให้ลงทุนอยู่ เพราะถือเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ และผลประกอบการไม่น่าจะมีความผันผวนมากนัก
ค่าพี/อี เรโชของธนาคารขนาดใหญ่อยู่ในระดับ 7-9 เท่า ซึ่งถือว่าไม่สูง ขณะที่อัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ในระดับ 2-3% และ SCB อัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ประมาณ 6%
ถ้าพิจารณาปัจจัยพื้นฐานปัจจุบันหุ้นธนาคารขนาดใหญ่มีความน่าสนใจ โดยเฉพาะนักลงทุนที่พร้อมจะถือลงทุนระยะยาว เพียงแต่สิ่งที่สร้างความกังวลคือ ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และจะทำให้ลูกหนี้เกิดปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน จนไม่มีความสามารถในการชำระหนี้
เช่นเดียวกับ ITD ที่ออกมายอมรับว่ามีปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน จนต้องขอยืดเวลาไถ่ถอนหุ้นกู้วงเงินประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาทออกไป 2 ปี
ปีนี้มีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนวงเงินประมาณ 1.07 ล้านบาท และเชื่อกันว่าจะมีหลายบริษัทที่จะผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ ซึ่งเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์จะมีปัญหาตามไปด้วย ทำให้ต้องตั้งสำรองเพิ่ม ฉุดให้ผลกำไรลดลง
แม้จะเป็นหุ้นพื้นฐานดี ค่าพี/อี เรโชต่ำ มีเงินปันผลสม่ำเสมอในอัตราที่ลงทุนได้ แต่ถ้าแนวโน้มผลประกอบการชะลอตัว ปัจจัยพื้นฐานหุ้นกลุ่มแบงก์จะอ่อนแอลงเหมือนกัน
นักลงทุนต่างชาติชิงระบายหุ้นแบงก์ออกแล้วเพื่อลดความเสี่ยงจากปัญหาหนี้เสียที่มีแนวโน้มสูงขึ้น และไม่รู้ว่าจะถล่มหุ้นแบงก์ต่อเนื่องอีกหรือไม่
ราคาหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาอาจสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนระยะยาวในการช้อนเก็บ
เพียงแต่สถานการณ์ตลาดหุ้นโดยรวมยังดี หรืออยู่ในช่วงขาลง และหุ้นแบงก์ยังตกเป็นเป้าการขายของต่างชาติ จึงไม่ต้องรีบร้อนช้อนซื้อหุ้นแบงก์
รอให้ตลาดนิ่ง รอให้หุ้นแบงก์ลงจนนิ่งสนิทเสียก่อน อาจเก็บห้นแบงก์ได้ในราคาถูกจริงๆ