แม้ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2566 กลุ่มธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะออกมาดี มีกำไรเติบโต แต่หุ้นกลับตกเป็นเป้าหมายของการเทขายจากต่างชาติ โดยเฉพาะหุ้นธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK
ตั้งแต่ต้นปี หุ้นกลุ่มธนาคารถูกทยอยขาย ราคาซึมลงต่อเนื่อง แต่นักลงทุนรอคอยกันว่า ผลประกอบการกลุ่มแบงก์จะออกมาดี และกระตุ้นให้ราคาฟื้นตัวขึ้น
ผลประกอบการแบงก์ประกาศออกมาแล้ว โดยแบงก์ขนาดใหญ่มีผลกำไรเติบโต แต่กลับถูกถล่มขาย ราคาปรับฐานลงต่อเนื่อง รวมทั้ง KBANK ที่ทรุดหนักเมื่อวันจันทร์ที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา พร้อมธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB
KTB ผลกำไรไตรมาสที่ 4 ปี 2566 ชะละตัวลง มีการตั้งสำรองหนี้เผื่อสงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น แต่ผลกำไรรวมปี 2566 เติบโตขึ้น แต่กำไรไตรมาส 4 ที่น่าผิดหวังอาจเป็นชนวนการเทขาย นอกจากนั้น ยังถูกโปรแกรมการซื้อขายหรือ ROBOT TRADING โจมตี
เพราะเมื่อวันจันทร์ ROBOT TRADING มีสัดส่วนการซื้อขายหุ้น KTB กว่า 32% โดยราคาปิดที่ 16.20 บาท ลดลง 1.90 บาท หรือลดลง 10.50% มูลค่าซื้อขาย 4,988.78 ล้านบาท
ส่วน KBANK ถูกเทขายจนราคาทรุดลงมาปิดที่ 120.50 บาท ลดลง 5 บาท มูลค่าซื้อขาย 7,082.46 ล้านบาท และเป็นหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดอันดับหนึ่งประจำวัน
แรงขายที่พุ่งเข้าใส่ KBANK คาดว่ามาจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งวันจันทร์มียอดขายหุ้นสุทธิรวม 4,00.90 ล้านบาท และแรงขายส่วนใหญ่ พุ่งเป้ามาที่กลุ่มแบงก์ โดยเฉพาะ KBANK
ผลประกอบการ KBANK ปี 2566 ออกมาดี โดยมีกำไรสุทธิ 42,405.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 35,769.49 ล้านบาท เพียงแต่ผลกำไรต่ำกว่าความคาดหมาย จึงเกิดปฏิกิริยาเชิงลบจากนักลงทุน หุ้นถูกเทขาย เช่นเดียวกับอีกหลายแบงก์
หุ้นกลุ่มแบงก์ถูกวิตกกังวลว่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้เสีย ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้แบงก์ต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ฉุดกำไรให้ลดลง โดยการยืดอายุการไถ่ถอนหุ้นกู้วงเงินประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาทไป 2 ปี ของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเว๊ลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD เป็นตัวจุดปะทุความกังวลหนี้เสียระลอกใหม่
หุ้นแบงก์ขนาดใหญ่มีปัจจัยพื้นฐานดี จ่ายผันผลต่อเนื่อง และอยู่ในกลุ่มที่นักวิเคราะห์แนะนำให้ซื้อเพื่อการลงทุนระยะยาว เพราะมีเงินปันผลที่ดีและจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
KBNAK มีค่าพี/อี เรโช 7.89 เท่า อัตราเงินปันผล 3.32% และกำไรที่เติบโต อาจจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น แต่ความกังวลในปัญหาหนี้เสียกำลังคุกคามหุ้นกลุ่มแบงก์ และทำลายความน่าสนใจด้านปัจจัยพื้นฐานลง
หุ้น KBANK จัดเป็นหุ้นแบงก์ยอดนิยม จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย 96,096 ราย การขึ้นหรือลงของราคาหุ้นจึงมีผลต่อนักลงทุนจำนวนเฉียด 1 แสนราย ซึ่งส่วนใหญ่มีเป้าหมายถือหุ้นเพิ่มการลงทุนระยะยาว
แต่ระยะสั้น KBANK กำลังเผชิญมรสุมใหญ่
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์จากโบรกเกอร์ 18 แห่ง ได้ออกบทวิเคราะห์หุ้น KBNAK โดยไม่มีรายใดแนะให้ขายหุ้น ส่วนใหญ่แนะนำให้ซื้อ และมีส่วนน้อยที่แนะนำให้ถือ
ส่วนราคาเป้าหมายเฉลี่ยอยู่ที่ 150.60 บาท โดยมีบางโบรกเกอร์ตั้งราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 168 บาท และบางโบรกเกอร์ตั้งราคาเป้าหมายต่ำสุดที่ 129 บาท
KBANK ลงมาสู่จุดที่น่าช้อนเก็บ แต่แรงขายของต่างชาติที่ไหลเข้ามาไม่หยุดอาจทำให้ราคาร่วงลงต่อได้ รอจังหวะดีๆ อาจซื้อ KBANK ได้ในราคาที่ถูกกว่าหรือถูกจริงๆ