หุ้นไทยปิดร่วงแรง -21.07 จุด หลุด 1400 จุดอีกครั้ง โดยมีนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยกว่า -5,749.49 ล้านบาท แม้จะมีแรงซื้อสวนของนักลงทุนรายย่อยกว่า +6,186.85 ล้านบาท ก็ไม่สามารถประคองดัชนีไว้ได้ นักวิเคราะห์ชี้หุ้นไทยแกว่งค่อนข้างแรงจาก Sentiment เชิงลบ โดยประเด็นหลักมาจากการที่เจ้าหน้าที่เฟดหนุนไม่รีบลดดอกเบี้ย ส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อสินทรัพย์ที่ขึ้นไปก่อนหน้านี้ รวมทั้ง GDP จีนออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ซึ่งสะท้อนภาพราคาบ้านที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 9 ปี แสดงถึงเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่ฟื้นตัวดี มองกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้อาจฟื้นตัวขึ้นมาในกรอบแคบๆแนวรับที่ 1,370 จุด และแนวต้านแรกที่ 1,390 จุด ส่วนแนวต้านถัดไปที่ 1,400 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 17 มกราคม 2567 ปรับตัวลดลงกว่า -21.07 จุด หรือ -1.50% โดยปิดตลาดที่ 1,380.65 จุด มูลค่าซื้อขาย 56,707.53 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการลงทุนหุ้นในวันนี้ ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงตั้งแต่เปิดทำการซื้อขายในภาคเช้า จนหลุดระดับ 1400 จุดกระทั่งปิดตลาดในแดนลบ โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,397.97 จุด ในทิศทางกลับกันที่ลดลงต่ำสุด 1,378.85 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 72 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 127 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 457หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +6,186.85 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +103.44 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -5,749.49 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -540.81 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,787.91 ล้านบาท ปิดที่ 33.50 บาท ลดลง 0.25 บาท
2.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,351.71 ล้านบาท ปิดที่ 148.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
3.AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,006.80 ล้านบาท ปิดที่ 61.25 บาท ลดลง 1.75 บาท
4.TU มูลค่าการซื้อขาย 1,915.13 ล้านบาท ปิดที่ 15.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท
5.BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,834.31 ล้านบาท ปิดที่ 148.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.CBG ปิดที่ 77.00บาท เพิ่มขึ้น 0.75บาทหรือ 0.98%
2.KBANK ปิดที่ 131.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50บาทหรือ 0.38%
3.TU ปิดที่ 15.00บาท เพิ่มขึ้น 0.40บาทหรือ 2.74%
4.BSRC ปิดที่ 9.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาทหรือ 2.86 %
5.ERW ปิดที่ 4.84บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาทหรือ 2.98%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่ 273.00บาท ลดลง 11.00บาทหรือ-3.87%
2.ADVANC ปิดที่ 213.00บาท ลดลง 4.00บาทหรือ 1.84%
3.AEONTS ปิดที่ 152.50 บาท ลดลง 3.00 บาทหรือ 1.93%
4.M ปิดที่ 35.25บาท ลดลง 2.50 บาทหรือ 6.62%
5.EA ปิดที่ 39.75บาท ลดลง 2.00บาทหรือ 4.79%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,869.85 จุด ลดลง -29.70 จุด หรือ -1.56% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 843.57 จุด ลดลง -13.48 จุด หรือ -1.57% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 410.57 จุด ลดลง -5.15 จุด หรือ -1.24%
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ร่วงลงไปค่อนข้างแรงตอบรับ Sentiment เชิงลบตลาดภูมิภาคลงกันถ้วนหน้า หลังจากเมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ออกมาสนับสนุนประเด็นที่ว่าเฟดไม่จำเป็นต้องรีบลดอัตราดอกเบี้ย และยังต้องใช้ความระมัดระวัง กดดันสินทรัพย์ที่ปรับขึ้นไปรับข่าวก่อนหน้านี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) อายุ 10 ปี กลับมายืนเหนือ 4% อีกครั้ง อีกทั้งดัชนีดอลลาร์สหรัฐก็ขึ้นไปทำ New High ระยะสั้น หลังจากอ่อนตัวลงมาต่อเนื่อง
นอกจากนี้ในภูมิภาคเอเซียเองที่มีการรายงานตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนออกมาค่อนข้างต่ำกว่าที่ตลาดคาด และราคาบ้านของจีนปรับตัวลงต่ำสุดในรอบ 9 ปี สะท้อนภาพรวมเศรษฐกิจจีนยังไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ขณะที่ในประเทศไร้ปัจจัยใหม่หนุน และนโยบายต่าง ๆ น่าจะล่าช้าออกไป โดยเฉพาะ ดิจิทัลวอลเล็ต ส่งผลให้ภาพรวมตลาดเป็นลบมากกว่าบวก
"แนวโน้มพรุ่งนี้ดัชนีมีโอกาสรีบาวด์ทางเทคนิค คืนนี้ติดตาม Sentiment จากตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยลงไปแรงกว่า 20 จุด ทำให้ตลาดคาดหวังการรีบาวด์ได้ไม่ไกล โดยให้กรอบแนวรับ 1,370 จุด และ แนวต้าน 1,390 จุด ถัดไป 1,400 จุด" นายณรงค์เดช กล่าวทิ้งท้าย