xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยปิดร่วง -7.07 จุด ไร้ปัจจัยใหม่หนุน แนะจับตาเงินเฟ้อสหรัฐ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นไทยปิดร่วง -7.07 จุด นักวิเคราะห์เผยตลาดไร้ปัจจัยใหม่หนุน โดยภาคบ่ายปรับตัวลงแรงกว่า 10 จุดสวนทางตลาดต่างประเทศ จากค่าเงินบาทอ่อนค่ากดดัน นอกจากนี้ กลุ่มนอนแบงก์ยังรับแรงกดดันจากมาตรการภาครัฐในการพักหนี้ ลดดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้ในระบบอาจกระทบรายได้ ขณะเดียวกันยังไมมีปัจจัยใหม่หนุน แนะนักลงทุนรอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐ ประเมินกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวรับแรกที่ 1,366 จุด แนวรับถัดมา 1,350 จุด และแนวต้าน 1,385 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 12 ธ.ค. 2566 ปรับตัวลดลง -7.07 จุด หรือ -0.51% ดดยปิดตลาดที่ 1,373.92 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,314.05 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหลักทรัพย์วันนี้ ดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนลบตั้งแต่เปิดทำการซื้อขายภาคเช้า โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,383.41 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,370.04 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 107 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 143 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 401 หลักทรัพย์

ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -768.40 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -136.04 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า +505.00 ล้านบาท และ นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิกว่า +399.44 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,600.47 ล้านบาท ปิดที่ 144.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,479.98 ล้านบาท ปิดที่ 128.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
3.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,381.20 ล้านบาท ปิดที่ 83.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
4.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,369.86 ล้านบาท ปิดที่ 52.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
5.SCB มูลค่าการซื้อขาย 995.98 ล้านบาท ปิดที่ 99.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่144.50บาท เพิ่มขึ้น 2.50บาท หรือ 1.76%
2. DELTA ปิดที่83.00บาท เพิ่มขึ้น 2.00บาท หรือ 2.47%
3.KBANK ปิดที่128.00บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาท หรือ 0.79%
4.BBL ปิดที่150.50บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาท หรือ 0.67%
5.TOP ปิดที่51.75บาท เพิ่มขึ้น 0.75บาท หรือ 1.47%

ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.EGCO ปิดที่120.50 บาท ลดลง 5.00บาท หรือ 3.98%
2.CBG ปิดที่78.25บาท ลดลง 2.75 บาท หรือ 3.40%
3.SCC ปิดที่290.00บาท ลดลง2.00บาท หรือ 0.68%
4.CK ปิดที่19.80 บาท ลดลง1.90 บาท หรือ 8.76%
5.SCGP ปิดที่36.50บาท ลดลง1.75 บาท หรือ 4.58%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,882.99 จุด ลดลง -7.49 จุด หรือ -0.40% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 850.55 จุด ลดลง -2.14 จุด หรือ -0.25% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 391.09 จุด ลดลง -9.42 จุด หรือ -2.35%

นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงสวนทางตลาดภูมิภาค ไร้ปัจจัยใหม่หนุน หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้กระทรวงแรงงานนำข้อสังเกตการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำกลับไปพิจารณาสูตรคำนวณใหม่ และมาตรการตรึงค่าไฟงวดใหม่ ทำให้เกิดแรงขายกลุ่มโรงไฟฟ้า

แนวโน้มตลาดพรุ่งนี้มีโอกาสแกว่งลงได้ต่อ โดยนักลงทุนรอติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. ของสหรัฐ คาดว่าจะชะลอตัวลงเล็กน้อยที่ 3% แต่ยังค่อนข้างสูง ส่งผลให้คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะคงอัตราดอกเบี้ยนาน รวมถึงจับตาการประชุมเฟดให้มุมมองเศรษฐกิจสหรัฐและแนวโน้มการใช้นโยบายทางการเงินปีหน้า ขณะที่ตลาดรับรู้ประเด็นอัตราดอกเบี้ยไปมากแล้ว สะท้อนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอ่อนตัวลงมา โดยมองว่าในช่วงสัปดาห์นี้ตลาดยังซึมตัว พรุ่งนี้ให้กรอบดัชนีแนวรับแรกที่ 1,366 จุด แนวรับถัดมา 1,350 จุด และแนวต้าน 1,385 จุด


กำลังโหลดความคิดเห็น