นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (28 ธ.ค.) ที่ระดับ 34.28 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.38 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.15-34.40 บาท/ดอลลาร์ โดยในช่วงคืนก่อนหน้าค่าเงินบาททยอยปรับตัวแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราประเมินไว้ (แกว่งตัวในช่วง 34.26-34.45 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และการปรับตัวลดลงของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ที่หนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้านระยะสั้นไปได้ หลังจากบรรดาผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจว่าเฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในปีหน้าตามที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า เงินบาทได้แข็งค่าขึ้นมากกว่าที่เราได้ประเมินว่า แต่ยังเป็นการแข็งค่าที่ไม่ห่างจากเป้าสิ้นปีของเราที่ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ไปมากนัก ทั้งนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมาอาจเริ่มชะลอลงบ้าง เนื่องจากบรรดาผู้นำเข้า รวมถึงผู้เล่นในตลาดบางส่วนที่มีสถานะ Long THB (มองเงินบาทแข็งค่า) ในช่วงที่ผ่านมา อาจรอจังหวะเงินบาทแข็งค่าขึ้น เพื่อเข้าซื้อเงินดอลลาร์ และทยอยขายทำกำไรสถานะ Long THB ก่อนเข้าช่วงวันหยุดยาวได้ ทำให้เงินบาทอาจแข็งค่าไม่เกินโซน 34.10-34.20 บาทต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ โดยเรามองว่า นักลงทุนต่างชาติอาจรอจังหวะดัชนี SET ปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้านเดิมในการทยอยขายทำกำไรได้ เช่นเดียวกันกับในฝั่งตลาดบอนด์ นักลงทุนต่างชาติมีโอกาสขายทั้งบอนด์ระยะสั้น ตามการทำกำไรสถานะ Long THB รวมถึงขายบอนด์ระยะยาว ในกรณีที่บอนด์ยิลด์ระยะยาวมีการปรับตัวลดลงบ้างตามบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ
ทั้งนี้ หากเงินบาทแข็งค่าหลุดโซนแนวรับที่เราประเมินไว้ จะเปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถแข็งค่าต่อเนื่องถึงโซนแนวรับสำคัญถัดไปที่ 34 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก อย่างไรก็ดี เราประเมินว่าภาพดังกล่าวอาจจะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เช่น ยอดการจ้างงานสหรัฐฯ ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมกราคมปีหน้า
และที่สำคัญ เราขอเน้นย้ำอีกรอบว่าควรระวังความผันผวนของค่าเงินบาทในช่วงบ่ายวันนี้ จากปริมาณธุรกรรมที่เบาบางพอสมควร อีกทั้งควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานสหรัฐฯ เช่นกัน
สำหรับวันนี้ รายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่ควรจับตา คือ ยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ของสหรัฐฯ โดยในช่วงนี้ที่บรรดาผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังการลดดอกเบี้ย “เร็วและลึก” ของเฟดในปีหน้าไปพอสมควร ทำให้ต้องระวังในกรณีที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวออกมาดีกว่าคาดไปมาก จนทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มปรับเปลี่ยนมุมมองต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดในปีหน้าได้
นอกจากนี้ เรามองว่าควรระวังความผันผวนของเงินบาทในช่วงบ่ายของวันนี้ เนื่องจากปริมาณธุรกรรมจะเบาบางลงไปมากในช่วงก่อนวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่