xs
xsm
sm
md
lg

MMM23 พร้อมลั่นเทรดกระดาน LiVEx

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล (MMM23) หุ้นไอพีโอน้องใหม่ตลาดไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) พร้อมนำหุ้น IPO จำนวน 3 ล้านหุ้น เข้าเทรดในตลาด LiVEx นับเป็นหลักทรัพย์ตัวที่ 4 ใช้ชื่อย่อ “MMM23” โดยเสนอขายราคาหุ้นละ 8.5 บาท ระดมทุนเพื่อรุกขยายธุรกิจ รองรับการเติบโตในอนาคต  

น.ส.วีรยา ศรีวัฒนะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าการเข้าระดมทุนในตลาดไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) ของหุ้น MMM23 จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และพร้อมที่จะเติบโตไปเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีศักยภาพ สามารถยกระดับสู่การเป็นผู้นำในด้านการเป็นที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร และเติบโตอย่างยั่งยืน

“เชื่อมั่นว่าหุ้น MMM23 จะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจ ที่น่าจับตามอง เนื่องจากเป็นธุรกิจที่เข้ามาตอบโจทย์ของผู้ประกอบการหรือผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลาง และขนาดเล็กที่ไม่มีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการโครงการ โดยบริษัทจะเข้าไปวางแผนการตลาดและกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ แนะนำ และโปรโมตสินค้าผ่านเครือข่ายนายหน้าอิสระของบริษัท” น.ส.วีรยา กล่าว

น.ส.เดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หุ้น MMM23 ซึ่งจะเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) จะได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และจากประสบการณ์ของทีมผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญในวงการด้านนายหน้าอสังหาริมทรัพย์มามากกว่า 20 ปี

“มั่นใจว่าหุ้น MMM23 ที่จะเข้าซื้อขายวันแรกจะได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากแม้จะอยู่ในช่วงวิกฤตโรคระบาดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่ MMM23 มีผลประกอบการที่ดี มีการเติบโตของรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะทำให้บริษัทสามารถนำไปพัฒนาและต่อยอดเพิ่มศักยภาพ สร้างเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่และครอบคลุมการตลาดทุกรูปแบบ และจากจุดเด่นของบริษัทในเรื่องของศักยภาพทีมผู้บริหาร พนักงานที่มีประสบการณ์ในธุรกิจ รวมถึงการได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้า จึงมองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุนของนักลงทุน” น.ส.เดือนพรรณ กล่าว

ด้าน น.ส.ณิชา โรจน์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MMM23) กล่าวว่า หุ้นของบริษัทจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เนื่องจากเป็นบริษัทด้านธุรกิจการเป็นที่ปรึกษาด้านการบริหารงานขาย การตลาด และการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ พร้อมทั้งสามารถช่วยให้คำปรึกษาในการวางแผนการตลาดตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการขาย นอกจากนี้ บริษัทยังมีเครือข่ายนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่มีโครงข่ายครอบคลุมในทุกพื้นที่ สามารถตอบโจทย์ผู้ประกอบการได้อย่างแท้จริง

“บริษัทมีแผนกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน เพื่อยกระดับการให้บริการที่ครบวงจร ทั้งการเป็นที่ปรึกษางานขายโครงการ การบริหารจัดการโครงการ โดยเป็นการให้บริการนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ที่ครบวงจร โดยสามารถช่วยเจ้าของโครงการทำการตลาด ปิดการขาย และส่งมอบตามระยะเวลา บริษัทมีการคัดเลือกโครงการอสังหาฯ ขนาดกลางและขนาดเล็กที่สร้างเสร็จพร้อมขายบนทำเลศักยภาพ รวมทั้งกลยุทธ์ในการขยายเครือข่ายนายหน้าอิสระ ซึ่งถือเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่และครอบคลุม สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว”

สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลัง IPO คือ บริษัท เอ็มเอ็ม แคปปิตอล โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 84.74% นายสุริยา วงศ์สิทธิชัยกุล ถือหุ้น 6.36% และ น.ส.ณิชา โรจน์วัฒนา ถือหุ้น 6.36% วัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการ เพื่อรองรับโอกาสเติบโตของธุรกิจในอนาคต

ทั้งนี้ บริษัทดำเนินธุรกิจเป็นที่ปรึกษาทางการขายและการตลาดเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางและเล็ก ทั้งในรูปแบบคอนโดฯ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ผ่านเครือข่ายนายหน้าอสังหาริมทรัพย์อิสระ เพื่อให้ข้อมูลอสังหาที่พร้อมขายสามารถสื่อสาร และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว

บริษัทจำแนกลักษณะของทรัพย์และการให้บริการ แบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบ ได้แก่ (1) การให้บริการที่ปรึกษางานขายโครงการ (2) การให้บริการบริหารจัดการโครงการ และ (3) การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ สำหรับกลุ่มลูกค้าของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มลูกค้าสำหรับการให้บริการที่ปรึกษางานขายโครงการ และการให้บริการการบริหารจัดการโครงการ ได้แก่ เจ้าของโครงการ หรือกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขนาดกลางและขนาดเล็กที่ประสบปัญหาด้านการตลาด หรือขาดแคลนบุคลากรด้านการขาย ไม่สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ได้ จนทำให้มีจำนวนอสังหาริมทรัพย์คงเหลือรอการพัฒนาและรอการจำหน่ายที่ค้างนานจำนวนมาก และ 2.กลุ่มลูกค้าสำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ กลุ่มลูกค้าทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์

ขณะที่ผลประกอบการที่ผ่านมา ในปี 2565 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 168.08 ล้านบาท เติบโต 60% จากปี 2564 ที่มีรายได้จากการขายและบริการ 105.18 ล้านบาท ส่งผลให้ในปี 2565 มีกำไรสุทธิ 35.09 ล้านบาท เติบโต 203% จากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 11.57 ล้านบาท

ส่วนงวด 9 เดือนของปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ 160.57 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 29.54 ล้านบาท มีสาเหตุหลักมาจากรายได้จากการเป็นที่ปรึกษางานขายเพิ่มขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น