หุ้นไทยปิดร่วง 10.82 จุด นักวิเคราะห์เผยแรงเทขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงานทั้ง PTTEP และ PTT ฉุดตลาดลง หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงไปแรง อีกทั้งยังไม่มีปัจจัยบวกอื่นๆเข้ามาหนุนดัชนีฯ ประเมินกรอบการลงทุนวันพรุ่งนี้แนวรับที่ 1,365 จุด และ 1,370 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,395 จุด แนะนักลงทุนจับตาการเปิดขายกองทุน TESG คาดจะเป็น Sentiment เชิงบวกในระยะสั้นหนุน SET INDEX ฟื้นยืนเหนือ 1400 จุดอีกครั้ง
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 7 ธ.ค. 2566 ปรับตัวลดลง -10.82 จุด หรือ -0.78% โดยปิดตลาดที่ 1,378.73 จุด มูลค่าการซื้อขาย 41,649.80 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีแกว่งตัวในแดนลบตลอดทั้งวันตั้งแต่เปิดตลาดในภาคเช้า โดยระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,384.52 จุด ในทิศทางกลับกันที่ปรับตัวลดลงต่ำสุด 1,373.34 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 153 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 167 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 327 หลักทรัพย์
ด้านปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า +606.42 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิกว่า -454.20 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -116.50 ล้านบาท และ บัญชี บล. ขายสุทธิกว่า -35.72 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 4,127.67 ล้านบาท ปิดที่ 140.50 บาท ลดลง 2.50 บาท
2.PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,365.63 ล้านบาท ปิดที่ 35.50 บาท ลดลง 0.25 บาท
3.BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,971.34 ล้านบาท ปิดที่ 25.75 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
4.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,741.30 ล้านบาท ปิดที่ 7.00 บาท ลดลง 0.40 บาท
5.AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,732.85 ล้านบาท ปิดที่ 60.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SCC ปิดที่ 295.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาทหรือ 1.03%
2.AMATA ปิดที่ 26.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00บาทหรือ 3.92%
3.CENTEL ปิดที่ 43.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาทหรือ 1.16%
4.SPALI ปิดที่ 18.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาทหรือ 2.26%
5.CK ปิดที่ 21.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาทหรือ 1.42%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.PTTEP ปิดที่ 140.50บาท ลดลง 2.50บาทหรือ 1.75%
2.DELTA ปิดที่ 76.00บาท ลดลง 2.25 บาทหรือ 2.88%
3.CBGปิดที่ 82.25 บาท ลดลง 2.00 บาทหรือ 2.37%
4.BCP ปิดที่ 42.75 บาท ลดลง 1.50บาทหรือ 3.39%
5.CPN ปิดที่ 65.75 บาท ลดลง 1.25บาทหรือ 1.87%
ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 1,885.06 จุด ลดลง -16.50 จุด หรือ -0.87% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 850.00 จุด ลดลง -7.44 จุด หรือ -0.87% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 402.06 จุด ลดลง -2.76 จุด หรือ -0.68%
นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันดิบดิ่งลงไปแรง โดยเฉพาะหุ้นพลังงาน Market Cap ใหญ่ถูกฉุดลงมา ทั้ง PTTEP และ PTT ที่ก่อนหน้านี้ค่อนข้าง Outperform ตลาด โดยราคาปรับขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว ทำให้มีแรงขายทำกำไรออกมา
อย่างไรก็ตาม มองว่าประเด็นหลักคือตลาดขาดปัจจัยบวกหนุน และค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่า เป็นมุมมองการอ่อนค่าระยะสั้น จากนี้ไปยังมองว่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าต่อเนื่อง
"แนวโน้มในวันพรุ่งนี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ จับตาการเปิดขายกองทุน TESG คาดจะเป็น Sentiment เชิงบวกในระยะสั้น แต่มองว่าคงไม่สามารถผลักดันตลาดให้กลับไปยืนเหนือ 1,400 จุดได้อย่างยั่งยืนพร้อมให้กรอบแนวรับ 1,365 และ 1,370 จุด ส่วนแนวต้าน 1,395 จุด" นายเบญจพล กล่าวทิ้งท้าย