บล.ทิสโก้ชี้ระยะสั้นหุ้นไทยมีสิทธิ์กระเตื้องขึ้น เพราะเงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าส่งผลให้แรงขายต่างชาติชะลอตัว และเม็ดเงินกองทุน Thailand ESG Fund (TESG) คาดไหลเข้า 1 หมื่นล้านบาท ชี้เป็นจังหวะเหมาะลงทุนหุ้นเป้า TESG ไหลเข้า และหุ้นปันผลเพื่อช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุน เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนกว่า 2.5% ในปี 2567
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือนธันวาคม ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับขึ้นในระยะสั้น รับแรงขายต่างชาติชะลอตัว อีกทั้ง เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอานิสงส์จากตัวเลขการส่งออกไทยล่าสุดในเดือนตุลาคมที่ฟื้นตัวเป็นบวก 3 เดือนติด และเป็นช่วงฤดูกาลการท่องเที่ยว นอกจากนี้ บล.ทิสโก้ยังคาดหวังเชิงบวกจากการตั้งกองทุน Thailand ESG Fund (TESG) ซึ่งคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าตลาดราว 1 หมื่นล้านบาทในช่วงเดือนธันวาคมนี้
"การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เดือนธันวาคมนี้จะครั้งสุดท้ายของปีที่มีความสำคัญมาก เพราะเป็นจุดตัดสินว่า FED จะจบวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นหรือไม่ ในกรณีฐานศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) คาดว่าการประชุมครั้งนี้ FED จะคงดอกเบี้ยตามเดิมที่ระดับ 5.25-5.50% และเป็นระดับดอกเบี้ยสูงสุดแล้ว (Terminal Rate) ซึ่งต่ำกว่าระดับ Dot Plot เดือนกันยายน และไม่น่าจะมีการปรับ Dot Plot ในปี 2567-2568 ไปในทางที่เข้มงวดขึ้นกว่าเดิม คาดว่าจะกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี (US10Y) ปรับตัวลงต่อสู่ระดับ 4% (+/-) ในช่วงปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า และน่าจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีโอกาสอ่อนค่าลง นอกจากจะเป็นผลดีต่อราคาสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวมแล้ว บล.ทิสโก้คาดว่าจะทำให้แรงขายต่างชาติชะลอตัวด้วย" นายอภิชาติกล่าว
สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้น บล.ทิสโก้มองว่าเดือนนี้เป็นจังหวะสะสมหุ้นปันผล โดยเฉพาะในช่วงตลาดผันผวน เพราะเชื่อว่าการลงทุนในหุ้นปันผลยังให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าสำหรับการลงทุน 3-6 เดือนข้างหน้า ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ คือ 1. การลงทุนหุ้นปันผลถือเป็นเกราะป้องกันความผันผวนของตลาดได้ในระดับหนึ่ง ท่ามกลางสภาวะความไม่แน่นอนของตลาดในปัจจุบัน 2. ตลาดหุ้นไทยปีนี้ราคาปรับตัวลงมากว่า -17% เพิ่มโอกาสในการเข้าลงทุนหุ้นปันผล เพราะในเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน 2567 จะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลที่บจ.ไทยจ่ายเงินปันผลประจำปี และ 3. อิงจากสถิติในอดีต การลงทุนในหุ้นปันผลในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน มักจะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดโดยรวมเสมอเฉลี่ยประมาณ +2.5% และมีความเป็นไปได้สูงถึง 78%
สำหรับประเด็นหุ้นที่น่าสนใจแบ่งเป็น 3 กลุ่มคือ 1. หุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าหมายลงทุนของ TESG แนะนำ ADVANC, CPALL, CPN และ SCB 2. หุ้น SET 100 ที่มีเงินปันผลเด่น AP, BAM, LH และ SPALI 3. หุ้นคาดเข้า SET50 แนะนำ ITC เพราะฉะนั้น หุ้นเด่นที่บล.ทิสโก้แนะนำเดือนธันวาคม คือ ADVANC, AP, BAM, CPALL, CPN, ITC, LH, SCB และ SPALI แนวรับสำคัญเดือนธันวาคมอยู่ที่ 1,360 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,330 จุด และ 1,300 - 1,310 จุด แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,400 - 1,405 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 1,430 จุด ตามลำดับ