xs
xsm
sm
md
lg

บล.เอเซีย พลัส ประเมินภาพรวมตลาดหุ้นไทย ธ.ค.ฟื้นตัวดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บล.เอเซีย พลัส มองภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยช่วงเดือน ธ.ค.จะฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากดอกเบี้ย เงินเฟ้อ ค่าเงินอยู่ในช่วงปรับตัวลดลง และหมดรอบทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนทยอยดีขึ้น รวมถึงแรงหนุนจากกองทุนไทยและต่างประเทศช่วยพยุง คาด SET Index กลับไปแตะ 1,500 จุด ปลายปี และ 1,717 จุดปี 67

บล.เอเซีย พลัส ประเมินภาพรวมการลงทุนของตลาดหุ้นไทยในช่วงเดือน ธ.ค.นี้จะฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากดอกเบี้ย เงินเฟ้อ ค่าเงินอยู่ในช่วงปรับตัวลดลง และหมดรอบทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น ประกอบกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนทยอยดีขึ้น รวมถึงแรงหนุนจากกองทุนไทยและต่างประเทศช่วยพยุงตลาดหุ้นช่วงที่เหลือของปี กลยุทธ์การลงทุนในเดือนนี้กระจายการลงทุนหุ้นพื้นฐานดีในหลากหลาย SECTOR อย่าง TISCO, WHA, ADVANC, GULF, CPALL, PLANB, BH, PTTGC คาดหวัง SET Index กลับไปแตะ 1,500 จุด ปลายปี และ 1,717 จุดในปีหน้า

ประเด็นความเสี่ยงต่างประเทศเริ่มผ่อนคลายลง เริ่มจากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกทยอยลดลงอย่างชัดเจน เฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว และมีโอกาสทยอยปรับลงตั้งแต่ต้นไตรมาสแรกของปี 2567 รวมถึงความเสี่ยงต่อ RECESSION ของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ลดระดับลง เช่น สหรัฐฯ ยุโรป ขณะที่ประเทศกลุ่มกำลังพัฒนามีความเสี่ยงน้อยอยู่แล้ว ส่วนความเสี่ยงที่ต้องติดตาม 1) ความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ สถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาส เป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งหากมีการขยายวงกว้างไปสู่ความขัดแย้งระหว่างภูมิภาค อาจทำให้ราคาน้ำมันและเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น 2) ผลกระทบของเอลนีโญที่อาจสร้าง COST PUSH INFLATION โดยค่าดัชนีชี้วัด ONI ล่าสุดอยู่ที่ 1.5 ซึ่งอยู่โซนของการเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญมากขึ้นแล้ว (ONI > 0.5) และยังอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี 3) มูลค่าซื้อขายเบาบางพร้อมกับปริมาณการ Short Sell หุ้นไทยที่ยังสูงอยู่กดดันตลาดหุ้นผันผวนช่วงสั้น

กลับมาที่ภาพรวม SET INDEX ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (ก.ย.-พ.ย.66) ปรับตัวลดลงเกิน -10% ซึ่งเป็นการลดลงลึกมาก จนมีระดับ PECENTILE สูงกว่า 90% เมื่อเทียบกับข้อมูลที่มีทั้งหมดใน 48 ปีที่ผ่านมา แต่ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า SET จะฟื้นตัวได้จากหลาย ปัจจัยเฉพาะตัวหนุน 1) รัฐบาลใหม่ทยอยออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่อง 2) เศรษฐกิจไทยช่วง 2H66-1H67 เติบโตเป็นขั้นบันได ซึ่งมีตัวเร่งเศรษฐกิจ คือ ภาคการท่องเที่ยว การลงทุนภาครัฐ การส่งออก และการบริโภคใน ประเทศ 3) EPS Growth 2567 เติบโต DOUBLE DIGIT 12.6% อยู่ที่ 99.8 บาท/หุ้น ตั้งดัชนีเป้าหมายไว้ที่ 1717 จุด มี Upside อีกมากพอสมควร

ในส่วนของ Fund Flow คาดได้แรงกระตุ้นจากเม็ดเงินลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ทั้งส่วนของ THAIESG ที่คาดเข้ามาหนุนในช่วงที่เหลือของปีราว 1-2 หมื่นล้านบาท และช่วงต้นปีหน้าตลาดหลักทรัพย์จะมีการจัดทำดัชนี SET50FF และ SET100FF ทำให้หุ้นสถาบันต้องมีการออกกองทุนใหม่อิงกับดัชนีนี้ ในส่วนของ Flow ต่างชาติมีโอกาสไหลเข้ามากขึ้น ในภาวะสิ้นสุดดอกเบี้ยขาขึ้นอาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่า หรือค่าเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าได้ รวมถึงเงินบาทน่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้นหลังดุลการค้าดีกว่าคาดหนุนให้ FUND FLOW ค่อยทยอยไหลกลับมาในตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีและในปีหน้าได้ พร้อมกับต่างชาติได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม

กลยุทธ์ประจำเดือน ธ.ค. แนะนำ BUY & HOLD โดยกระจายการลงทุนให้หุ้นพื้นฐานดี ในหลากหลาย SECTOR อย่าง TISCO, WHA, ADVANC, GULF, CPALL, PLANB, BH, PTTGC ส่วนเป้าหมายดัชนียังคาดหวังจะกลับไปแตะ 1,500 จุดปลายปี และ 1,717 ในปีหน้า


กำลังโหลดความคิดเห็น