xs
xsm
sm
md
lg

ปธ.FETCO เก็งตลาดหุ้นฟื้นกลางปี 67 มอง SET ยังขาดเสน่ห์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยในงานสัมมนาวิชาการ SEC Capital Market Symposium 2023 ว่า มองตลาดหุ้นไทยจะเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงกลางปี 67 เนื่องจาก Sentiment ธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง รวมไปถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งคาดว่าจะเห็นการลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ในช่วงปลายปี จะหนุนให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้น และสภาพคล่องที่ตึงตัวปรับตัวดีขึ้น

"ราคาหุ้นไทย ณ ปัจจุบันยังมีอัปไซด์พอสมควร และน่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว คาดว่ากลางปีหน้าเป็นต้นไป Sentiment ต่างๆ จะเริ่มเปลี่ยน จากการทยอยลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก" นายกอบศักดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันยังคงมีแรงกดดันจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรลดลง ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูง เงินทุนไหลออก ปัญหาในตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค ที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุน การดูดสภาพคล่องกลับ หรือการทำ QT ของสหรัฐฯ

นายกอบศักดิ์ มองว่า ความท้าทายของตลาดหุ้นไทยในอนาคตที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนยุคสมัย ประกอบไปด้วย 4 ด้าน คือ Technology, Geopolitics, Aisa and Asean Rising และ Climate Change ทำให้ทุกคนต้องเตรียมตัวและปรับตัวเพื่อการเข้าสู่โค้งสำคัญนี้ และต้องมองหาโอกาสให้เจอ เพื่อหยิบฉวยโอกาสมาเป็นของเรา

"ความท้าทายของตลาดหุ้นไทย คือ ยังขาดเสน่ห์ เนื่องด้วยปัจจุบันที่ยังมีหุ้นแบบเดิม เช่นอุตสาหกรรมรถยนต์ อาหาร ปิโตรเคมี เหล็ก เป็นต้น ซึ่งกำลังจะตกยุค โดยในอนาคตอุตสาหกรรมที่จะเข้ามาเปลี่ยนโลกคือ Technology ไม่ว่าจะเป็น AI Robot Metaverse Nano Cybernetics จึงเป็นโจทย์ที่ว่าเราจะสามารถสร้างเสน่ห์ของเราอย่างไร นี่คือความท้าทาย และถ้าองค์ประกอบของ SET ยังไม่ก้าวสู่อนาคต ตลาดหุ้นไทยจะเล็กลงเรื่อยๆ" นายกอบศักดิ์ กล่าว

นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า การปรับปรุงมาตรการ หรือกฎเกณฑ์ของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งมาตรการ BOI กฎหมายต่างๆ กระทรวงการคลัง กระทรวงต่างประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

พร้อมแนะ 4 เรื่องสำคัญที่จะสร้างมาตรฐานให้ตลาดหุ้นไทย ได้แก่ 1.สินทรัพย์แห่งอนาคต อย่าง Bitcoin, Ethereum 2.การ Reinvent เช่น การปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ และการพัฒนา Single Portal 3.การปิดจุดมืดของตลาดทุนไทย โดยเฉพาะหุ้นขนาดเล็ก ฝ/Unrated Bonds (ไม่มีการจัดอันดับเครดิต) ทำอย่างไรที่จะทำงานร่วมกับบริษัทขนาดเล็กให้ขึ้นมาเป็นหุ้นขนาดกลางได้ รวมถึงควบคุมการปั่นหุ้น เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อนักลงทุนรายย่อย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) และ 4.Capital Market for all โดยจะต้องมีเรื่องของ Sustainability/ESG Social Contribution/Credit SME/Communities โดยเชื่อว่าการสร้าง Strong Foundation คือคำตอบสุดท้ายในโลกยุคใหม่

นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการเสนอขายกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund) หรือ Thai ESG คาดว่าจะเปิดตัวและเสนอขายกองแรกได้ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้ คาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุน และเชื่อว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้ากองทุนในเฟสแรกราว 10,000 ล้านบาท

ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในช่วงบ่ายวันนี้ คาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยปีนี้ไม่ได้เติบโตตามเป้าหมาย อีกทั้งแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยมองว่าไม่ได้ง่าย ยังมีอุปสรรคจากปัจจัยภายนอกประเทศอยู่ โดยเฉพาะเศรษฐกิจหลักของโลกอ่อนแอ ทำให้จะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกและการผลิตของไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น