ไบรอัน อาร์มสตรอง ซีอีโอคอยน์เบส ชี้ที่สุดแล้วอุตสาหกรรมคริปโตสามารถผ่านพ้นยุคแห่งเรื่องอื้อฉาวและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง หลังไบแนนซ์ทำข้อตกลงยอมความครั้งประวัติศาสตร์กับกระทรวงยุติธรรมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีเมื่อวันจันทร์ (27 พ.ย.) อาร์มสตรอง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร (ซีอีโอ) ของคอยน์เบส กล่าวว่า การบังคับใช้กฎหมายกับไบแนนซ์ช่วยให้อุตสาหกรรมคริปโตเริ่มต้นใหม่และยุติช่วงเวลาของเรื่องอื้อฉาวและปัญหา
เขาสำทับว่า บริษัทคริปโตหลายแห่งช่วยสร้างเศรษฐกิจคริปโตและเปลี่ยนแปลงระบบการเงินทั่วโลก แต่บริษัทเหล่านี้จำนวนมากยังเป็นเพียงสตาร์ทอัพขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม เขาคิดว่า ความชัดเจนของระเบียบข้อบังคับจะช่วยดึงดูดการลงทุนเข้าสู่อุตสาหกรรมคริปโตมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนักลงทุนประเภทสถาบัน
ทั้งนี้ สัปดาห์ที่แล้ว ไบแนนซ์ทำข้อตกลงยอมความกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และจ่ายค่าปรับ 4,000 ล้านดอลลาร์ นอกจากนั้นฉางเผิง จ้าว ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัท ยังประกาศลาออกและยอมรับผิดในข้อกล่าวหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน รวมทั้งละเมิดมาตรการแซงก์ชันอิหร่าน
อาร์มสตรองยังโต้แย้งข้อกล่าวหาที่ว่า อุตสาหกรรมคริปโตถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ชั่วร้ายเป็นหลัก เช่น การฉ้อโกง การฟอกเงิน และการระดมเงินให้แก่กลุ่มก่อการร้าย ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้บริษัทการเงินหลีกเลี่ยงการข้องเกี่ยวกับคริปโตเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
ซีอีโอคอยน์เบสชี้แจงว่า บริษัทคริปโตที่พัวพันกับกิจกรรมผิดกฎหมายมีเพียง 1% เท่านั้น เทียบไม่ได้กับการใช้เงินสดทำกิจกรรมผิดกฎหมายทั้งหมด เขายังยอมรับว่า ผู้เล่นบางรายเป็น “ตัวร้าย” โดยอ้างอิงกรณีไบแนนซ์ รวมถึงการล่มสลายของกระดานเทรดคริปโต FTX และการตัดสินลงโทษแซม แบงก์แมน-ฟรีด ผู้ก่อตั้งบริษัทแห่งนี้ในข้อหาฉ้อโกง
ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ อาร์มสตรองเข้าร่วมการประชุมสุดยอดการลงทุนระดับโลกที่อังกฤษจัดขึ้นเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ และคอยน์เบสเป็นบริษัทคริปโตเพียงแห่งเดียวที่ได้รับเชิญ
อาร์มสตรองกล่าวว่า เขาประทับใจกับความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรีริชี ซูนัค ในส่วนของสกุลเงินดิจิตอล และคอยน์เบสตัดสินใจเพิ่มการลงทุนในอังกฤษขณะนี้
ปัจจุบัน อังกฤษกำลังพยายามนำสินทรัพย์ดิจิตอล เช่น คริปโตและสเตเบิลคอยน์ เข้าสู่กรอบการกำกับดูแลของหน่วยงานรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ฟอร์จูนรายงานว่า ราคาหุ้นของคอยน์เบสที่เล็งทวงคืนตำแหน่งผู้นำตลาดคริปโตล่าสุดพุ่งขึ้นถึง 18% จากราว 100 ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อยู่ที่ 118 ดอลลาร์เมื่อเช้าวันจันทร์
ทั้งนี้ คอยน์เบสก่อตั้งขึ้นในปี 2012 และชูภาพลักษณ์ “คนดี” ในวงการคริปโต โดยยินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลของอเมริกา และต่อต้านการลิสต์คริปโตที่ประสบความสำเร็จเพียงชั่ววูบที่หน่วยงานกำกับดูแลอย่างคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (เอสอีซี) มองว่า เป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน
ปี 2017 จ้าวก่อตั้งไบแนนซ์ที่แย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจากคอยน์เบสอย่างรวดเร็วหลังการล่มสลายของ Mt. Gox ที่เคยได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในกระดานเทรดคริปโตใหญ่ที่สุดของโลก
จากสำนักงานใหญ่ที่ไม่เปิดเผยและเจตนาในการหลบเลี่ยงข้อจำกัดด้านระเบียบข้อบังคับตามที่หน่วยงานกำกับดูแลของอเมริการะบุ จ้าวปลุกปั้นไบแนนซ์กลายเป็นผู้นำตลาดคริปโตอย่างรวดเร็วทั้งในแง่ความง่ายดายในการซื้อขายคริปโต และตลาดสำหรับเครื่องมือทางการเงินที่ซับซ้อนขึ้นที่อิงกับราคาคริปโต
ทางฝั่งคอยน์เบสที่เคยเป็นกระดานเทรดคริปโตที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า กลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างกะทันหัน และต้องริเริ่มนโยบายใหม่ในการเร่งรัดกระบวนการตรวจสอบและอนุมัติคริปโตสกุลใหม่ๆ ที่รวมถึงโดชคอยน์ที่ขณะนั้นชื่อเสียงยังไม่ค่อยดีนัก
ปี 2023 ไบแนนซ์เริ่มเสียศูนย์หลังถูกดำเนินการทางกฎหมายทั้งในอเมริกาและประเทศอื่นๆ เช่น ถูกคณะกรรมาธิการการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ฟ้องร้องในเดือนมีนาคม ตามด้วยการฟ้องร้องของเอสอีซีในเดือนมิถุนายน และส่วนแบ่งตลาดของไบแนนซ์เริ่มตกลง
หนึ่งวันหลังฟ้องจ้าวและไบแนนซ์ เอสอีซียื่นฟ้องคอยน์เบสละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้คดียังคงอยู่ในศาล
อย่างไรก็ตาม อาร์มสตรองมั่นใจว่า คอยน์เบสมีโอกาสชนะคดีนี้ เขายังไม่เห็นด้วยกับที่มีคนพูดว่า การดำเนินการของเอสอีซีบีบให้บริษัทต้องย้ายหนีไปประเทศอื่น โดยยืนยันว่า การออกไปตั้งบริษัทนอกประเทศไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ในทางกลับกันคอยน์เบสยังคงทุ่มลงทุนภายในอเมริกา