ทางยกระดับดอนเมือง เผยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4 ปีนี้โตต่อเนื่อง อานิสงส์เข้าสู่ช่วง High season ของฤดูท่องเที่ยว หนุนปริมาณการจราจรสดใส ฟากเอ็มดีมั่นใจรายได้ปี 66 โตเกิน 30% โชว์ 9 เดือนแรกกวาดรายได้ 1,719.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาลอีก 0.35 บาท/หุ้น เตรียมขึ้น XD 23 พ.ย.66 กำหนดจ่าย 8 ธ.ค.นี้
ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) (DMT) เปิดเผยว่า แนวโน้มปริมาณจราจรในไตรมาส 4/2566 คาดการณ์จะมีปริมาณจราจรเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง High Season ของฤดูท่องเที่ยว ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อปริมาณการจราจรให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การติดตามการระบาดของ COVID-19 ถือว่าได้ถึงระยะสิ้นสุดการระบาดแล้ว และจะไม่มีการจำกัดการเดินทาง การล็อกดาวน์อีกต่อไป จึงเชื่อมั่นว่าหลังจากนี้ไปกิจกรรมทุกอย่างจะทยอยกลับไปสู่สภาวะปกติ รวมถึงกิจกรรมการเดินทางหลักในภาคการศึกษายังคงส่งผลให้การเดินทางในช่วงเปิดเทอมสูงขึ้น และในฤดูฝนผู้ใช้ทางเลือกที่จะใช้บริการบนทางยกระดับเพื่อความรวดเร็วหลีกหนีการจราจรแออัดบนถนนทั่วไป
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2566 เติบโตมากกว่า 30% จากปีก่อน โดยคาดการณ์ปริมาณการจราจรเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 110,000 คันต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีปริมาณการจราจรเฉลี่ยอยู่ที่ 85,000 คันต่อวัน
สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 756.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อน 211.31 ล้านบาท หรือ 39% เนื่องจากปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้ค่าผ่านทางอยู่ที่ 1,719.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 439.47 ล้านบาท หรือ 34%
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรเป็นเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 1.05 บาท ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จดทะเบียนและรับชำระแล้วจำนวน 1,181,232,800 หุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,240,294,440 บาท
โดยบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 826,862,960 บาท ซึ่งจ่ายจากกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 6 เดือนแรก ของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 472,493,120 บาท และจ่ายจากกำไรสะสมในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 354,369,840 บาท
ดังนั้น บริษัทจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 ส่วนที่เหลือ ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จดทะเบียนและรับชำระแล้วจำนวน 1,181,232,800 หุ้น เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 413,431,480 บาท โดยจ่ายจากกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 9 เดือนแรก ของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 236,246,560 บาท และจ่ายจากกำไรสะสมในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 177,184,920 บาท โดยจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 ธันวาคม 2566