"คมนาคม" ผนึก กทม.ยกระดับมาตรการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 หลังภาคคมนาคมขนส่งต้นตอปล่อยฝุ่นพิษถึง 61% คุมเข้มไซต์ก่อสร้าง คาดโทษผู้รับเหมาฝ่าฝืนต้องหยุดก่อสร้าง ตรวจควันดำรถขนส่ง-รถเมล์ ก่อนปล่อยวิ่ง
วันที่ 20 พ.ย. 2566 นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงนโยบายและมาตรการเพื่อป้องกันและลดมลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากภาคคมนาคมขนส่ง และการติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและลดมลพิษจากฝุ่น PM 2.5 โดยมีผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงคมนาคม กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมควบคุมมลพิษ เข้าร่วม
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมและกรุงเทพมหานครได้บูรณาการร่วมกันในการเร่งรัดแก้ไขปัญหาและกำหนดมาตรการป้องกันและลดผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดจัดทำนโยบายเชิงรุกในการป้องกันและลดมลพิษจากฝุ่น PM 2.5 ในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม และกำหนดมาตรการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน รวมถึงติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและลดมลพิษจากฝุ่น PM 2.5 อย่างเข้มงวด
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ปีนี้คาดว่าปัญหาฝุ่น PM 2.5 มาก เนื่องจากจะมีภาวะแล้งมากกว่าปกติ ขณะที่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่าปัญหาฝุ่น PM 2.5 มาจากภาคการขนส่งถึง 61% และจากภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้างอีก 39% ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การกำกับกระทรวงคมนาคม
จึงได้ร่วมกับ กทม.บูรณาการร่วมกันเร่งรัดแก้ไขปัญหาและกำหนดมาตรการป้องกันและลดผลกระทบจาก PM 2.5 โดยสั่งการให้หน่วยงานในสังกัดจัดทำนโยบายเชิงรุกในการป้องกันและลดมลพิษจากฝุ่น PM 2.5 ในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม และกำหนดมาตรการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน รวมถึงติดตามการดำเนินงานขับเคลื่อนมาตรการป้องกัน ได้แก่
กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ดำเนินการตรวจควันดำและฝุ่น PM 2.5 เชิงรุก โดยจัดเจ้าหน้าที่ชุดตรวจการขนส่งทางบกเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่ตรวจสอบค่า PM 2.5 ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีค่า PM 2.5 เกินมาตรฐาน และชุดเฉพาะกิจเข้าให้คำแนะนำเพื่อป้องกันการปล่อยควันดำของรถโดยสารไม่ประจำทาง ณ สถานประกอบการ โดย ขบ.จะบูรณาการร่วมกับ กทม.จัดชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ออกตรวจสอบค่าฝุ่น PM 2.5 ณ สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ 233 แห่ง และสถานประกอบการ ได้แก่ แพลนต์ปูน บริเวณไซต์งานก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรมในเขตกรุงเทพฯ
อีกทั้ง ขบ.ได้จัดเจ้าหน้าที่กองตรวจการลงพื้นที่ตรวจสอบรถโดยสารประจำทางหมวด 1 ณ อู่รถเมล์ ขสมก.ทั้ง 8 เขตการเดินรถ 21 แห่ง รวมถึงรถโดยสารประจำทาง ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร เอกมัย สายใต้)
นอกจากนี้ ขบ.ได้สนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าผ่านมาตรการทางภาษีประจำปี รวมทั้งดำเนินแผนพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้ครอบคลุมการเดินทางของประชาชนเพื่อลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลต่อไป
กรมการขนส่งทางราง (ขร.) สนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้ามากขึ้น ผ่านนโยบายอัตราค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย สำหรับรถไฟฟ้าสายสีแดงและสีม่วง พร้อมผลักดันระบบขนส่งทางรางเปลี่ยนมาใช้รถไฟ EV on Train มาให้บริการประชาชนเพื่อลดมลภาวะทางอากาศ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายขับเคลื่อนการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะด้วยการนำเทคโนโลยียานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV) แทนที่ยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงของกระทรวงคมนาคม
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในบริเวณโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ประกอบด้วย 1. ช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ 2. ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ 3. ช่วงนครปฐม-ชุมพร 4. ช่วงเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ และ 5. ช่วงบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด ให้ดำเนินมาตรการจำกัดพื้นที่การทิ้งและห้ามเผาขยะซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดฝุ่น PM 2.5 และติดรั้วป้องกันฝุ่นละออง โดยได้เพิ่มปริมาณการฉีดน้ำทำความสะอาดในพื้นที่ก่อสร้าง กำชับให้มีการตรวจสอบสภาพเครื่องจักรให้พร้อมใช้งาน จัดชุดทำความสะอาดล้อรถก่อนขึ้นถนนสาธารณะ
ทั้งนี้ รฟท.ได้ดำเนินแผนการใช้เชื้อเพลิงไบโอดีเซลซึ่งถือเป็นพลังงานทางเลือก ช่วยลดมลพิษทางอากาศ และดำเนินโครงการจัดหารถจักรรุ่นใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมปรับปรุงพื้นที่โรงซ่อมบำรุงให้สอดคล้องกับกฎหมายเรื่องสิ่งแวดล้อม
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ดำเนินมาตรการลดฝุ่นที่เกิดจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า โดยได้กำชับและสั่งการให้ผู้รับจ้างก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างทุกโครงการ ต้องติดตั้งรั้วสูง 2 เมตร ล้อมรอบพื้นที่ก่อสร้างและปิดคลุมกองวัสดุก่อสร้าง/กระบะรถบรรทุกเพื่อป้องกันฝุ่นละออง พร้อมทั้งทำความสะอาดถนนสาธารณะโดยใช้รถกวาดดูดฝุ่นและการฉีดพ่นละอองน้ำบริเวณพื้นที่ก่อสร้างในช่วงที่มีค่า PM 2.5 สูง และตรวจสอบสภาพเครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้างให้อยู่ในสภาพดีไม่ให้มีควันดำหรือควันขาว
บริษัท ขนส่ง จํากัด (บขส.) ดำเนินมาตรการด้านรถโดยสาร 3 ด้าน ดังนี้ 1. การบริหารจัดการเกี่ยวกับรถโดยสาร โดยจัดให้มีการตรวจวัดควันดำรถโดยสารก่อนนำรถออกให้บริการประชาชน 2. การปรับลดเส้นทางเดินรถ และควบรวมเที่ยววิ่งรถโดยสาร เพื่อปรับลดจำนวนเส้นทางเดินรถโดยสารและเที่ยววิ่งรถ และ 3. จัดหารถโดยสาร EV ทดแทนรถโดยสารที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงสนับสนุนให้ผู้ประกอบการนำรถ EV BUS เข้าวิ่งในระบบมากขึ้น ในส่วนการบริหารสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร เอกมัย สายใต้) ดำเนินการทำความสะอาดโดยรอบอาคารผู้โดยสารเพื่อลดฝุ่นละอองและประชาสัมพันธ์เมื่อรถเข้าใช้ชานชาลาให้ดับเครื่องยนต์และสตาร์ทเครื่องยนต์ก่อนออกเดินรถ อีกทั้ง การดำเนินการดังกล่าวยังเป็นการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ของกระทรวงคมนาคม เพื่อร่วมมือกันป้องกันและลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เช่น
กรมทางหลวง (ทล.) ดำเนินการจำกัดพื้นที่หน้างานก่อสร้างและบำรุงทางที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองน้อยที่สุด กำชับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาพเครื่องจักรก่อสร้างให้อยู่ในสภาพดี รวมทั้งงดใช้น้ำมันเครื่องที่ใช้แล้วกับเครื่องจักรจัดการขยะอย่างเหมาะสมและห้ามเผาขยะโดยเด็ดขาด โดย ทล.จะร่วมสร้างเครือข่ายผู้ประสานงาน PM 2.5 ภายใต้ชื่อกลุ่ม “PM 2.5 DOH” เพื่อรายงานผลการดำเนินงานแบบรายวันในการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองของหน่วยงาน ทล.ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค อีกทั้งจัดชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมอุปกรณ์เครื่องมือในการป้องกันและควบคุมไฟป่า โดยใช้รถบรรทุกฉีดน้ำเพื่อเข้าระงับเหตุกรณีเกิดไฟป่าหรือไฟไหม้สองข้างทางหลวง
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ดำเนินมาตรการลดปัญหาสภาพการจราจรติดขัดบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ และติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำแรงดันสูงที่ควบคุมการทำงานโดยการวัดคุณภาพอากาศ บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทางของทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) โดยเครื่องพ่นละอองน้ำแรงดันสูงจะทำงานอัตโนมัติ เมื่อตรวจพบค่า PM 2.5 เกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ทั้งนี้ อยู่ระหว่างติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำแรงดันสูงแบบควบคุม ณ ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ 28 แห่ง
องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เข้มงวดในการตรวจวัดค่าควันดำรถโดยสารทุกคันทุกวัน หากมีค่าควันดำเกินมาตรฐานจะนำรถส่งเข้าซ่อมบำรุงโดยทันที และดำเนินการตรวจเช็กรถโดยสารให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน เช่น เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หัวฉีด ไส้กรองไอเสีย ไส้กรองอากาศ ท่อพักไอเสีย ล้างทำความสะอาดท่อไอเสียของรถโดยสาร รวมทั้งทำความสะอาดอู่จอดรถและรถโดยสารเพื่อชะล้างฝุ่นละออง
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่มีอัตราการใช้รถยนต์บนท้องถนน การก่อสร้าง และโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก ซึ่งเป็นสาเหตุในการเกิดมลพิษทางอากาศฝุ่น PM 2.5 ซึ่งบางประเด็นยังควบคุมยาก เพราะจะมีผลกระทบ ทางด้านเศรษฐกิจ เช่น การจะห้ามวิ่งรถเก่าเครื่องยนต์ดีเซลที่ปล่อยมลพิษสูงเข้าใน กทม.ก็จะกระทบผู้ประกอบการรายย่อยและผู้มีรายได้น้อย หรือรถขนส่งมวลชนซึ่งยังมีใช้เครื่องยนต์ดีเซลอยู่ หรือจะให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์มาใช้รถสาธารณะ ก็ยังไม่ครอบคลุมรองรับความต้องการในการเดินทาง ปัญหาตอนนี้มีหลายด้านต้องค่อยๆ แก้ไป เชื่อว่าจะดีขึ้น
@คาดโทษผู้ก่อสร้างพบรถน้ำหนักเกิน+ปล่อยค่าฝุ่นเกิน สั่งหยุดก่อสร้าง
สำหรับการดูแลในส่วนของรถบรรทุกน้ำหนักเกินซึ่งมีผลต่อการปล่อยมลพิษนั้น จะต้องเข้าไปดูในไซต์งานเลย จะไม่ออกมาจับกลางถนนเพราะ จะทำให้เกิดปัญหารถติดไปด้วย ตอนนี้ได้ให้ผู้ประกอบการได้รับใบอนุญาตก่อสร้างเข้ามาร่วมมือด้วย หากพบว่าใช้รถบรรทุกที่ปล่อยค่าฝุ่นเกินจะให้หยุดการก่อสร้าง โดยผู้ประกอบการจะมีภาระดอกเบี้ยเมื่องานล่าช้า ก็เป็นการลงโทษ
โดยกรุงเทพมหานครได้จัดทำแผนลดฝุ่น 365 วัน ค่าฝุ่นไม่เกิน 37.5 มคก./ลบ.ม. และแผนบริหารจัดการฝุ่นระยะวิกฤตที่มีค่าฝุ่นตั้งแต่ 37.6 มคก./ลบ.ม. เพื่อการติดตามเฝ้าระวัง กำจัดต้นตอ ป้องกันประชาชน และการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 แบบทุกมิติ พร้อมทั้งบูรณาการร่วมกับ ขบ.ออกตรวจสอบวัดค่าควันดำรถบรรทุก ณ สถานประกอบการ ได้แก่ แพลนต์ปูน บริเวณไซต์งานก่อสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ โรงงานอุตสาหกรรมในเขตกรุงเทพฯ
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมและกรุงเทพมหานครพร้อมบูรณาการและติดตามผลการดำเนินงานในการขับเคลื่อนมาตรการให้เป็นไปตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม โดยให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมดำเนินมาตรการป้องกันและลดมลพิษจากฝุ่น PM 2.5 และรายงานในทุกวันที่ 15 และ 30 ของเดือนมายังสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป