ทางยกระดับดอนเมือง อวดกำไร 9 เดือนปีนี้พุ่ง 39% แตะ 756.21 ล้านบาท รายได้ค่าผ่านทาง 1,719.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จากงวดเดียวกันปีก่อน ขณะไตรมาส 3 มีปริมาณจราจรโดยเฉลี่ยต่อวันรวม 107,437 คัน เพิ่มขึ้น 16% กวาดรายได้ค่าผ่านทาง 589.85 ล้านบาท เติบโต 17% และกำไรสุทธิ 269.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% บอร์ดไฟเขียวปันผลระหว่างกาลอีก 0.35 บาท/หุ้น
ดร.ศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) (DMT) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2566 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีปริมาณจราจรโดยเฉลี่ยต่อวันรวม 107,437 คัน เพิ่มขึ้น 16% รายได้ค่าผ่านทาง 589.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% และกำไรสุทธิ 269.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% สอดคล้องกับปริมาณจราจรที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน และการบริหารจัดการด้านรายจ่ายรวมถึงการบริหารผลตอบแทนจากการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพเป็นไปตามแผนงาน
โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2566 มีภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ยกับสถาบันการเงิน จำนวน 900 ล้านบาท มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) เท่ากับ 0.18 เท่า และมีวงเงินหมุนเวียนเพื่อสำรองไว้ใช้ในกิจการซึ่งยังมิได้เบิกใช้เป็นจำนวนเงินรวม 650 ล้านบาท (31 ธันวาคม 2565 : 1,000 ล้านบาท) บริษัทมีความพร้อมในการขยายกิจการโดยเข้าร่วมประมูลโครงการที่ภาครัฐเปิดประมูลเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุน (Public-Private Partnership) ในอนาคต
สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 756.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปีก่อน 211.31 ล้านบาท หรือ 39% เนื่องจากปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้ค่าผ่านทางอยู่ที่1,719.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 439.47 ล้านบาท หรือ 34%
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบการจัดสรรกำไรเป็นเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 1.05 บาท ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จดทะเบียนและรับชำระแล้วจำนวน 1,181,232,800 หุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,240,294,440 บาท
โดยบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ในอัตราหุ้นละ 0.70 บาท เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 826,862,960 บาท โดยจ่ายจากกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 6 เดือนแรก ของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 472,493,120 บาท และจ่ายจากกำไรสะสมในอัตราหุ้นละ 0.30 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 354,369,840 บาท
ดังนั้น บริษัทจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 ส่วนที่เหลือ ในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จดทะเบียนและรับชำระแล้วจำนวน 1,181,232,800 หุ้น เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 413,431,480 บาท โดยจ่ายจากกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 9 เดือนแรก ของปี 2566 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 236,246,560 บาท และจ่ายจากกำไรสะสมในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 177,184,920 บาท บริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 ธันวาคม 2566
บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2566 เติบโตมากกว่า 30% จากปีก่อน โดยคาดการณ์ปริมาณการจราจรเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 110,000 คันต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีปริมาณการจราจรเฉลี่ยอยู่ที่ 85,000 คันต่อวัน สำหรับแนวโน้มปริมาณจราจรในไตรมาส 4/2566 บริษัทได้ติดตามอย่างใกล้ชิด พบว่า ปริมาณจราจรมีแนวโน้มคงที่และคาดการณ์จะมีปริมาณจราจรเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย เกิดจากความมั่นใจในการออกมาใช้ชีวิตและประกอบกิจการ รวมถึงกิจกรรมการเดินทางหลักในภาคการศึกษายังคงส่งผลให้การเดินทางในช่วงเปิดเทอมสูงขึ้นและในฤดูฝนผู้ใช้ทางเลือกที่จะใช้บริการบนทางยกระดับเพื่อความรวดเร็วหลีกหนีการจราจรแออัดบนถนนทั่วไป
อีกทั้งการติดตามการเดินทางในรูปแบบอื่นๆ จากแหล่งข้อมูลภาครัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในลักษณะเดียวกัน ด้านการติดตามการระบาดของ COVID-19 ถือว่าได้ถึงระยะสิ้นสุดการระบาดแล้ว และจะไม่มีการจำกัดการเดินทาง การล็อกดาวน์อีกต่อไป จึงเชื่อมั่นว่าหลังจากนี้ไปกิจกรรมทุกอย่างจะทยอยกลับไปสู่สภาวะปกติ