xs
xsm
sm
md
lg

BAM ลุ้น Q4 เศรษฐกิจกระเตื้องหนุนยอดจัดเก็บ ชะลอซื้อ NPL รอชอปปีหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายรฐนนท์ ฟูเกียรติ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด และนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM) เปิดเผยในงาน "Opportunity Day" ว่า ในช่วงไตรมาส 4 ปี 66 บริษัทยังมีมุมมองเป็นบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และกลยุทธ์ทางการตลาดในการนำเสนอขายทรัพย์ที่จะออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่ายอดเรียกเก็บหนี้ในปีนี้จะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำได้ 16,951 ล้านบาท จาก 9 เดือนแรกของปีนี้ทำไปได้ 11,229 ล้านบาท ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปีนี้ที่ 17,800 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนของ NPA ที่ 7,300 ล้านบาท โดย 9 เดือนทำไปแล้ว 5,098 ล้านบาท และ NPL ที่ 10,500 ล้านบาท ซึ่ง 9 เดือนทำไปแล้ว 6,131 ล้านบาท

ทั้งนี้ ยอดจัดเก็บปีนี้คาดจะต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะ NPL ที่ปกติไตรมาส 2 และ 3 จะทำได้ดีตามฤดูกาล แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจความเข้มงวดของธนาคารในการปล่อยกู้ และทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น กดดันกำลังซื้อ และความสามารถในการชำระหนี้ ส่งผลให้เป้า NPL อาจหย่อนลงไปบ้างในปีนี้ แต่ NPA เราไม่ห่วง อาจดีกว่าเป้าด้วยเพราะยังมี Backlog หรือยอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอนประมาณ 6-7 พันล้านบาทเข้ามาในช่วงไตรมาส 4 นี้ จึงน่าจะเข้ามาชดเชยในส่วนของเอ็นพีแอลที่ยอดการชำระหนี้ที่ชะลอลง

ด้านการซื้อหนี้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 42,193 ล้านบาท โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะขึ้นมาอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทลงทุนซื้อหนี้เข้ามาจำนวนมาก ทำให้ไตรมาส 4 อาจซื้อขายเบาบางลง เพื่อรอประเมินหนี้ในปีหน้า เพราเชื่อว่าทางสถาบันการเงินจะขาย NPL ออกมามากขึ้น โดยคาดว่า ปีนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท จากปีนี้ที่ใช้เงินลงทุนไป 12,000 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินต่อทุน หรือ DE ปัจจุบันอยู่ที่ 2.15 เท่า โดยบริษัทมีเป้าหมายไม่ให้เกิน 2.5 เท่า ซึ่งระดับดังกล่าวในปัจจุบันบริษัทสามารถขยายเพดานขึ้นไปได้อีกหากต้องการซื้อหนี้เพิ่ม โดยไม่กระทบต่อฐานะทางการเงินแต่อย่างใด

ส่วนต้นทุนทางการเงิน (Cost of Fund) คาดว่า สิ้นปีนี้จะคุมให้ไม่เกิน 3.4% จาก 9 เดือน อยู่ที่ 3.29% ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ยังเป็นไปตามเป้าหมาย ขณะที่ปีหน้าด้วยภาวะดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น และบริษัทมีการเร่งซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่ม อาจส่งผลให้ Cost of Fund เพิ่มขึ้น 0.40% จากระดับปัจจุบัน ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบกับบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับในปีหน้านั้นเรายังคงโฟกัสในธุรกิจหลัก ได้แก่ การซื้อหนี้เอ็นพีแอล ซึ่งคาดว่าจะมีสถาบันการเงินขายออกมามากกว่าปีนี้ โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้จึงจะชะลอการซื้อหนี้เอ็นพีแอลออกไปบ้าง เพื่อรอดูคุณภาพและประเภทหนี้ที่จะออกมาปีหน้า ขณะเดียวกัน จะเร่งพัฒนาด้านไอทีต่างๆ เพื่อให้เอื้อต่อการบริหารจัดการทั้งด้านการขายและปรับโครงสร้างหนี้ จึงคาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น