OpenSea ตลาดซื้อขาย NFT ซึ่งมีมูลค่า 13.3 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565 ยืนยันเมื่อวันศุกร์ว่าได้เลิกจ้างพนักงานประมาณ 50% หลังมูลค่าตลาดรวมซบเซาอย่างหนัก จากการเปิดเผยของ Decrypt รายงานว่า OpenSea สื่อกลางการตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่าสามารถเปลี่ยนแปลงได้หรือ NFT ได้ปรับลดพนักงานประมาณ 50% เนื่องจากผลกระทบของตลาด NFT ที่เสื่อมความนิยมลง
“วันนี้ เรากำลังทำการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในองค์กรและการดำเนินงานในขณะที่เรามุ่งเน้นไปที่การสร้างพื้นที่แพลทฟอร์ม OpenSea ใหม่ในเวอร์ชันที่รวดเร็วขึ้น และหวังว่าในท้ายที่สุดมันจะดีขึ้น" โฆษก OpenSea กล่าว
ขณะที่ Devin Finzer ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ OpenSea อธิบายรายละเอียดในแถลงการณ์ในกระทู้ Twitter โดยเน้นว่าบริษัทได้ปรับปรุงทีมงาน เพื่อความพยายามที่จะเปิดตัวตลาด NFT ในรุ่นต่อไป
“เราต้องการเติบโตด้วยความรวดเร็ว มีคุณภาพ และสร้างความเชื่อมั่นด้วยศรัทธา ซึ่งวันนี้เรากำลังปรับทิศทางทีมงานใหม่โดยใช้ 'OpenSea 2.0' ซึ่งเป็นการอัพเกรดครั้งใหญ่สำหรับผลิตภัณฑ์ของเรา รวมถึงเทคโนโลยีพื้นฐาน ความน่าเชื่อถือ ความเร็ว คุณภาพ ประสบการณ์เพื่อสร้างการยอมรับที่มีความหมายในความทรงจำของแบรนด์ที่เหล่าผู้ซื้อขายเชื่อมั่นมากขึ้น” Finzer กล่าวเสริม
ทั้งนี้ OpenSea ได้ประกาศเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าจะหยุดการบังคับใช้ค่าธรรมเนียมลิขสิทธิ์ของผู้สร้างสำหรับการขาย NFT ในตลาดรอง ซึ่งเป็นการพัฒนาที่จะส่งผลกระทบต่อศิลปินและทีมที่ได้รับรายได้แบบพาสซีฟเมื่องานของพวกเขาซื้อขายกันหลังจากการขายครั้งแรก เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม ศิลปินที่แสดงโปรเจ็กต์ใหม่บน OpenSea จะไม่สามารถกำหนดให้ผู้ซื้อจ่ายค่าธรรมเนียมผู้สร้างได้ ซึ่งโดยทั่วไปจะคิดค่าธรรมเนียมตั้งแต่ 2.5% ถึง 10% ที่จะเรียกเก็บจากการขาย NFT
ขณะที่ OpenSea เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในช่วงที่ตลาด NFT บูมมากในปี 2564 และ 2565 โดยมีมูลค่าการซื้อขายงานศิลปะ รูปโปรไฟล์ และของสะสมโทเค็นอื่น ๆมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ต่อเดือนเป็นประจำในช่วงเวลาดังกล่าว โดย OpenSea สามารถระดมทุนจำนวนมาก โดยครั้งสุดท้ายสามารถระดมทุนได้ 300 ล้านดอลลาร์ที่มูลค่า 13.3 พันล้านดอลลาร์ในเดือนมกราคม 2565 สำหรับรอบ Series C เงินทุนดังกล่าวนำโดย Paradigm และ Coatue
อย่างไรก็ตาม ตลาด NFT เริ่มซบเซาลงอย่างชัดเจนในกลางปี 2565 ควบคู่ไปกับราคาคริปโตที่ลดลง เนื่องจากตลาดคู่แข่งเริ่มปฏิเสธค่าลิขสิทธิ์ของผู้สร้าง หรือค่าธรรมเนียมเล็กน้อยจากการขายในตลาดรองที่จ่ายคืนให้กับผู้สร้างโครงการ ขณะที่ OpenSea ได้รับผลกระทบในช่วงปลายปีที่แล้วสำหรับการพิจารณาการเคลื่อนไหวที่คล้ายกัน
ขณะที่ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ก่อน วันที่ 31 สิงหาคม OpenSea เลือกที่จะไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายค่าลิขสิทธิ์ในขณะนั้น หลังจากการกดดันอย่างมากจากผู้สร้างแต่ท้ายที่สุดก็กล่าวในฤดูร้อนนี้ว่าจะหยุดบังคับใช้การชำระค่าลิขสิทธิ์ภาคบังคับสำหรับการขาย NFT ส่วนใหญ่
เมื่อถึงเวลานั้น OpenSea ได้ตามหลัง Blur ตลาดชั้นนำในแง่ของปริมาณการซื้อขาย NFT โดยได้รับแรงกระตุ้นจากการซื้อขายแบบโทเค็นของ Blur แม้ว่า OpenSea ยังคงมีเทรดเดอร์มากที่สุดในตลาดใดๆ ก็ตาม
ตามข้อมูลจาก Dune OpenSea มีกระเป๋าเงินที่ไม่ซ้ำกันมากกว่า 32,000 กระเป๋าระหว่างตลาดมาตรฐานและตลาด Pro ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมากกว่าสองเท่าของ Blur แต่ Blur ครองส่วนแบ่งตลาดการขาย NFT ประมาณ 70% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีมูลค่ายอดขายมากกว่า 51 ล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ OpenSea เลิกจ้างพนักงานประมาณ 20%ในเดือนกรกฎาคม 2565 โดย Finzer อ้างถึง "การผสมผสานระหว่างฤดูหนาวของ crypto ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจมหภาคในวงกว้าง" ก่อนที่ "การชะลอตัวที่ยืดเยื้อยาวนาน" ที่อาจเกิดขึ้น
อีลอน มัสก์ สวด NFT ยับว่า 'เป็นเพียง URL ที่เชื่อมโยงไปยัง JPEG'
ขณะที่ cryptobriefing กล่าวถึง อีลอน มัสก์ ที่ออกมาวิพากย์วิจารณ์ถึงอุตสาหกรรม NFT ว่าความจริง NFT เป็นเพียงไฟล์รูปดิจิทัลนามสกุล .JPEG แต่มีการสร้างสตอรี่และเรียกชื่อเท่ห์ๆ เพื่อสร้างมูลค่าขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีจุดบอดคือการจัดเก็บที่เป็นช่องโหว่อย่างมาก ควรจัดเก็บอาร์ตเวิร์กแบบเต็มไว้บนบล็อกเชนโดยตรง แทนที่จะให้โทเค็น NFT ซึ่งส่งลิงก์ที่ชี้ไปที่ไฟล์นามสกุล .JPEG ที่โฮสต์บนเซิร์ฟเวอร์ของบริษัท หากบริษัทนั้นปิดตัวลง ลิงก์จะใช้งานไม่ได้ และเจ้าของ NFT จะไม่เหลืออะไรเลยนอกจากโทเค็นที่เสียหาย
ตัวอย่างที่สำคัญของความเสี่ยงที่ มัสก์ อธิบายไว้คือการล่มสลายของ Coachella NFT ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 Coachella ขาย NFT มูลค่า 1.5 ล้านดอลลาร์กับ FTX.US แต่ด้วยการล่มสลายของ FTX ทำให้ NFT เหล่านี้ไม่สามารถเข้าถึงได้ ส่งผลให้ผู้ซื้อมือเปล่า
อย่างไรก็ตาม คำยืนยันของ Musk ไม่สามารถใช้ได้กับโครงการ NFT ทั้งหมด บางโปรเจ็กต์จัดเก็บอาร์ตเวิร์กออนไลน์เต็มรูปแบบ รวมถึงโปรเจ็กต์พิกเซลเช่น CryptoPunks, CyberBrokers และ Bitcoin Ordinals การจัดเก็บอาร์ตเวิร์คแบบออนไลน์ทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถเข้าถึงได้ตราบเท่าที่มีบล็อกเชนอยู่
Bitcoin Ordinals โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจารึกข้อความหรือรูปภาพโดยตรงบนบล็อกเชน Bitcoin ทำให้เป็นสิ่งถาวรและไม่เปลี่ยนรูป ผู้สนับสนุนโต้เถียงกันบนโซเชียลมีเดียว่า Ordinals เป็นตัวอย่างโมเดลที่ยืดหยุ่นกว่าที่ Musk สนับสนุน
ตลาด NFT ถึงเวลา เผาจริงไม่เผาหลอก
DappGambl รายงานว่าในช่วงตลาดกระทิงของสกุลเงินดิจิทัลในปี 2021/22 Non-Fungible Tokens (NFT) กลายเป็นปรากฏการณ์ที่สำคัญ
NFT หรือ Non-Fungible Token เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ซ้ำใครที่ได้รับการตรวจสอบโดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ต่างจากสกุลเงินดิจิทัลเช่น Bitcoin หรือ Ether ซึ่งสามารถใช้แทนกันได้และเหมือนกัน NFT แต่ละอันมีข้อมูลหรือคุณลักษณะที่แตกต่างกันซึ่งทำให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว NFT ได้รับความนิยมอย่างมากจากศักยภาพในการปฏิวัติงานศิลปะดิจิทัล ของสะสม และแม้แต่อสังหาริมทรัพย์ แต่ผู้ขายจะมีวิธีการเสนอ เพื่อพิสูจน์ความเป็นเจ้าของและแหล่งที่มาของสินค้าดิจิทัลที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเปิดแหล่งรายได้ใหม่สำหรับศิลปินและผู้สร้าง
จากข้อมูลของ dappGambl ตลาดมีปริมาณการซื้อขายต่อเดือนที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม 2564 ซึ่ง DappGambl ตั้งข้อสังเกตว่าสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ไม่เพียงแต่ครองหน้าพื้นที่สื่อเท่านั้น แต่ยังดึงดูดจินตนาการและความโลภของผู้คนทั่วโลกอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม dappGambl เน้นย้ำว่าสถานะปัจจุบันของตลาดนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับช่วงเวลาสูงสุดเหล่านั้น โดยผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
DappGambl อ้างอิงข้อมูลจาก Block เพื่อเน้นย้ำถึงการลดลงอย่างรวดเร็วของตลาด NFT ณ เดือนกรกฎาคม 2566 dappGambl รายงานว่าปริมาณการซื้อขายรายสัปดาห์ลดลงเหลือเพียง 80 ล้านดอลลาร์ DappGambl ชี้ให้เห็นว่านี่เป็นการลดลงอย่างมาก โดยคิดเป็นเพียง 3% ของปริมาณการซื้อขายสูงสุดที่บันทึกไว้ในเดือนสิงหาคม 2564 ซึ่ง DappGambl ชี้ให้เห็นว่าการลดลงนี้ไม่เพียงแต่น่าสังเกตเท่านั้น แต่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยเน้นย้ำถึงลักษณะความผันผวนของตลาด
โดย DappGambl ให้การวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับตลาดหมีในปัจจุบันสำหรับ NFT จากข้อมูลของ dappGambl ตลาดไม่เพียงแต่ประสบกับภาวะตกต่ำเท่านั้น มันกลับพังทลายลงอย่างรุนแรง DappGambl อธิบายว่าตลาดอยู่ในช่วงขาลง โดยมีมุมมองในแง่ร้ายเกี่ยวกับมูลค่าในอนาคตของโครงการ NFT จำนวนมาก DappGambl ตั้งข้อสังเกตว่าสิ่งนี้นำไปสู่สภาพแวดล้อมที่ท้าทายสำหรับผู้ขาย เนื่องจากผู้ซื้อเริ่มมีความสงสัยและระมัดระวังมากขึ้น
DappGambl เผยข้อเท็จจริงที่น่าตกใจว่า NFT ส่วนใหญ่ไร้ค่า จากการค้นพบของพวกเขา จากคอลเลกชั่น NFT 73,257 คอลเลกชั่นที่ระบุ โดย 69,795 คอลเลกชั่นมีมูลค่าตลาด 0 Ether (ETH)
รายงานของ DappGambl ทิ้งคำถามหลายข้อที่ไม่ได้รับคำตอบ เพิ่มความซับซ้อนให้กับสถานะปัจจุบันและอนาคตของตลาด NFT จากข้อมูลของ dappGambl ยังไม่ชัดเจนว่ายังมีการถือครองของ 'วาฬ' อยู่ในตลาดที่สามารถทำข้อตกลงมูลค่าล้านดอลลาร์ได้หรือไม่ โดย DappGambl ยังตั้งคำถามถึงความยั่งยืนในระยะยาวของ NFT เมื่อพิจารณาจากสภาวะตลาดในปัจจุบัน ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดคริปโตรับทราบเป็นอย่างดีว่าตลาดในช่วงแรกนั้นไม่ยั่งยืน และเป็นช่องทางหลอกลวง หรือแสวงหากำไรในระยะสั้น