ในบรรดาหุ้นบิ๊กแคปในความหมายว่ามีมาร์เกตแคปตั้งแต่ 5 หมื่นล้านบาทขึ้นไป นั้น ณ เวลานี้ (6 พ.ย.66) มีอยู่ราวๆ 30 กว่าหลักทรัพย์ และถ้าเจาะลงไปที่หุ้นทีมีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ตั้งแต่ต้นปีที่เกิน 5.00% จะพบอยู่ 13 หลักทรัพย์ ซึ่งบางหลักทรัพย์นอกจากจะมีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนที่สูงแล้ว ยังมีผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 ที่ยังเป็นบวกอีกด้วย
1.PTT บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 5.93% ปันผลปี 65 อยู่ที่ 6.02% ปันผลปี 64 อยู่ที่ 2.63% ขณะที่ราคา ณ 3 พ.ย.66 ปิด 33.75 บาท (เหลืออัปไซด์ 16.15% จากราคาเป้าหมาย 39.20 บาท) ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 36.50/29.50 บาท ค่า P/E 12.90 เท่า มาร์เกตแคป 964,001.12 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ +1.50% ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์อยู่ที่ +0.75%%
โบรคฯ คาดPTTกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 3.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 258% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และโต 58% จากไตรมาสก่อน หากตัดรายการพิเศษออกกำไรปกติอยู่ที่ราว 4.0 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และโต 50% ไตรมาสก่อน และธุรกิจก๊าซของ PTT ในปี 2567 อยู่ในขาฟื้นตัวทั้งด้านปริมาณขายจากลูกค้าใหม่ และอัตรากำไรที่ซัปพลายก๊าซทั่วโลกตึงตัวน้อยลง
2.PTTEP บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 5.61% ปันผลปี 65 อยู่ที่ 2.83% ปันผลปี 64 อยู่ที่ 3.60% ขณะที่ราคา ณ 3 พ.ย.66 ปิด 165.00 บาท (เหลืออัปไซด์ 11.13% จากราคาเป้าหมาย 183.38 บาท) ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 195.00/134.50 บาท ค่า P/E 8.85 เท่า มาร์เกตแคป 655,047.59 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -6.52% ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์อยู่ที่ -2.37%%
กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 2566 คิดเป็น 83% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ของที่ 70,259 ล้านบาท ซึ่งยังคงประมาณการไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ อาจมีอัปไซด์ต่อประมาณการกำไรจากราคาน้ำมันดิบที่สูงกว่าคาด และไตรมาส 4/2566 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2566 กำไรที่แข็งแกร่งจะหนุนราคาหุ้นให้ปรับตัวขึ้น
3.SCB บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 6.69% ปันผลปี 65 อยู่ที่ -% ปันผลปี 64 อยู่ที่ -% ขณะที่ราคา ณ 3 พ.ย.66 ปิด 100.00 บาท (เหลืออัปไซด์ 19.16% จากราคาเป้าหมาย 119.16 บาท) ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 118.50/95.50 บาท ค่า P/E 8.35 เท่า มาร์เกตแคป 336,710.73 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ % ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์อยู่ที่ -%
โบรกฯ คาดการฟื้นตัวของราคาหุ้นจะเป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และสดใสอีกครั้งในไตรมาส 1/67 ส่งผลให้ราคาหุ้นในปัจจุบันยังมีอัปไซด์ และคาดให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในช่วงครึ่งปีหลังปี 2566 อีก 3.7% รวมถึงในระยะยาว SCB ยังมีการเติบโตจากธุรกิจ Consumer Finance ที่ให้ผลตอบแทนสูง
4.INTUCH บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 6.94% ปันผลปี 65 อยู่ที่ 3.66% ปันผลปี 64 อยู่ที่ 3.12% ขณะที่ราคา ณ 3 พ.ย.66 ปิด 68.00 บาท (เหลืออัปไซด์ 30.03% จากราคาเป้าหมาย 88.42 บาท) ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 78.75/68.25 บาท ค่า P/E 18.61 เท่า มาร์เกตแคป 218,054.76 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -11.97% ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์อยู่ที่ +0.92%
INTUCH มีเงินสดในมือกว่า 1,200 ล้านบาท พร้อมขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ ลุ้นส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC เพิ่มขึ้นจากขยายฐานลูกค้าแตะ 12 ล้านเลขหมาย จับตาลงทุน 3BB แล้วเสร็จใน พ.ย.นี้ หนุนขยายลูกค้าอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์
5.IVL บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 6.27% ปันผลปี 65 อยู่ที่ 2.45% ปันผลปี 64 อยู่ที่ 1.62% ขณะที่ราคา ณ 3 พ.ย.66 ปิด 25.50 บาท (เหลืออัปไซด์ 40.63% จากราคาเป้าหมาย 35.86 บาท) ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 43.50/23.00 บาท ค่า P/E N/A เท่า มาร์เกตแคป 143,171.07 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -37.42% ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์อยู่ที่ +2.00%
ฝ่ายบริหาร IVL ยังมองว่าบริษัทจะมีผลกำไรที่ดีขึ้น เกิดจากการมุ่งคำนึงถึงต้นทุนและใช้โอกาสจากช่วงที่มีอุปสงค์ต่ำ ดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์ บริษัทมีการทบทวนการจัดสรรเงินลงทุนอย่างเคร่งครัดเพื่อการรักษาระดับเงินสดและลดต้นทุนทางการเงิน
6.TOP บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 7.59% ปันผลปี 65 อยู่ที่ 4.22% ปันผลปี 64 อยู่ที่ 1.41% ขณะที่ราคา ณ 3 พ.ย.66 ปิด 48.75 บาท (เหลืออัปไซด์ 30.44% จากราคาเป้าหมาย 63.59 บาท) ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 60.25/42.25บาท ค่า P/E 18.68 เท่า มาร์เกตแคป 108,899.48 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -13.33% ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์อยู่ที่ +1.56%
โบรกฯ ประเมินว่า TOP ไตรมาส 3 ปี 66 จะทำได้ 1 หมื่นล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 1.1 พันล้านบาท ธุรกิจการกลั่นโดดเด่น หนุนกำไรสูงสุดรอบ 4 ไตรมาส โดดเด่นจากทั้งผลการดำเนินงานหลักของธุรกิจการกลั่น และการบักทึกกำไรสต๊อกน้ำมันจำนวนมาก
7.LH บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 7.89% ปันผลปี 65 อยู่ที่ 5.05% ปันผลปี 64 อยู่ที่ 5.68% ขณะที่ราคา ณ 3 พ.ย.66 ปิด 7.60 บาท (เหลืออัปไซด์ 31.05% จากราคาเป้าหมาย 9.96 บาท) ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 10.10/7.20 บาท ค่า P/E 12.89 เท่า มาร์เกตแคป 90,817.82 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -23.23% ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์อยู่ที่ +3.40%
คาดกำไร Q4/66 เติบโตเด่นสูงสุดในปี 2566 จากการโอนต่อเนื่องของโครงการแนวราบ และรายได้ค่าเช่าและบริการที่คาดได้ปัจจัยบวกจากช่วง High Season มาช่วยหนุน และมีปันผล Dividend yield ค่อนข้างสูงอยู่ที่ราว 7- 8%/ปี จึงมองว่าจะช่วยจำกัดความผันผวน
8.TISCO บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 7.99 % ปันผลปี 65 อยู่ที่ 7.20% ปันผลปี 64 อยู่ที่ 6.56% ขณะที่ราคา ณ 3 พ.ย.66 ปิด 97.00 บาท (เหลืออัปไซด์ 12.46% จากราคาเป้าหมาย 109.09 บาท) ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 104.00/89.50 บาท ค่า P/E 10.75 เท่า มาร์เกตแคป 77,662.63 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -2.27% ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์อยู่ที่ +0.78%
TISCO ยังเป็นธนาคารที่มี ROE และปันผลสูงสุดในกลุ่ม และปีนี้คาดกำไรยังทรงตัวถึงบวกเล็กน้อย ได้สำรองส่วนเกินหนุนตั้งสำรองลด ช่วยดันกำไรโต ขณะปี 67 ไม่เน้นโตสินเชื่อ แต่สำรองส่วนเกินที่มีมาก คาดยังส่งผลบวกเล็กน้อยต่อกำไรปี 67 ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมถ้าดีขึ้นเป็น upside ต่อกำไรให้เพิ่มขึ้น
9.BANPU บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 12.09% ปันผลปี 65 อยู่ที่ 2.34% ปันผลปี 64 อยู่ที่ 2.12% ขณะที่ราคา ณ 3 พ.ย.66 ปิด 7.75 บาท (เหลืออัปไซด์ 15.10% จากราคาเป้าหมาย 8.92 บาท) ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 13.80/7.25 บาท ค่า P/E 3.53 เท่า มาร์เกตแคป 77,646.50 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -43.43% ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์อยู่ที่ +4.03%
คาดกำไรสุทธิ Q3/66 อยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท ไม่โดดเด่นเหมือน Q3/65 โดย -89% YoY จากฐานสูงช่วงรัสเซีย vs ยูเครน แต่สามารถฟื้นตัวจากขาดทุนใน Q2/66 หนุนด้วยธุรกิจไฟฟ้าที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการเริ่มรับรู้โรงไฟฟ้า Temple II (ตั้งแต่เดือน ก.ค.) และอุปสงค์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ สูงขึ้นช่วง Heat Wave
10.EGCO บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 5.00% ปันผลปี 65 อยู่ที่ 3.77% ปันผลปี 64 อยู่ที่ 3.70% ขณะที่ราคา ณ 3 พ.ย.66 ปิด 130.00 บาท (เหลืออัปไซด์ 31.92% จากราคาเป้าหมาย 171.50 บาท) ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 178.50/114.50 บาท ค่า P/E 24.22 เท่า มาร์เกตแคป 68,440.45 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -24.64% ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์อยู่ที่ +7.44%
โบรกฯ ประเมิน EGCO คาดผลงาน Q4/66 พีกสุดของปี รับไฮซีซันหนุน พร้อมลุ้นปิดดีลโรงไฟฟ้าสหรัฐฯ และโครงสร้างพื้นฐานปลายปีนี้ มั่นใจรายได้ดีกว่าปีก่อน หลังรับกำลังการผลิตไฟฟ้าทะลุเป้า 1,000 MW.
11.TU บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 6.41% ปันผลปี 65 อยู่ที่ 5.62% ปันผลปี 64 อยู่ที่ 3.69% ขณะที่ราคา ณ 3 พ.ย.66 ปิด 13.70 บาท (เหลืออัปไซด์ 21.31% จากราคาเป้าหมาย 16.62 บาท) ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 18.30/12.40 บาท ค่า P/E 10.49 เท่า มาร์เกตแคป 63,775.32 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ -18.93% ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์อยู่ที่ +3.01%
นักวิเคราะห์มองว่า TU จะมีการฟื้นตัวที่ดีจากการลดลงของต้นทุนปลาทูน่า และเชื่อว่า กำไรจะสูงสุดในไตรมาสที่ 4 และเป็นจุดสูงสุดของปี ทั้งยอดขายและมาร์จิ้น โดยปัจจัยสนับสนุนยอดขายมาจากปริมาณคำสั่งซื้อของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งจากกลุ่ม อาหารสัตว์เลี้ยง และอาหารทะเลแปรรูปบรรจุกระป๋อง
12.BCP บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 5.50% ปันผลปี 65 อยู่ที่ 6.35% ปันผลปี 64 อยู่ที่ 1.58% ขณะที่ราคา ณ 3 พ.ย.66 ปิด 40.50 บาท (เหลืออัปไซด์ 13.68% จากราคาเป้าหมาย 46.04 บาท) ราคาสูงสูด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์ คือ 41.75/28.75 บาท ค่า P/E 9.08 เท่า มาร์เกตแคป 55,765.39 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ +28.57% ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์อยู่ที่ +1.89%
ความเคลื่อนไหวล่าสุด BCP จับมือ BTS ประกาศตั้ง “สมาร์ท อีวี ไบค์” เดินหน้าลงทุนธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า สำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างบริเวณใกล้เคียง สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
13.TCAP บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ 6.29% ปันผลปี 65 อยู่ที่ 7.06% ปันผลปี 64 อยู่ที่ 7.95% ขณะที่ราคา ณ 3 พ.ย.66 ปิด 49.25 บาท (เหลืออัปไซด์ 17.03% จากราคาเป้าหมาย 57.64 บาท) ราคาสูงสุด/ต่ำสุดรอบ 52 สัปดาห์คือ 52.50/40.00 บาท ค่า P/E 8.95 เท่า มาร์เกตแคป 51,643.74 ล้านบาท ผลตอบแทนราคาตั้งแต่ต้นปี 66 อยู่ที่ +15.88% ผลตอบแทนราคารอบ 1 สัปดาห์อยู่ที่ +1.55%
โบรกฯ มอง TCAP กำไรปกติจะอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.2% YoY และ 1.4% Q0Q ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตน่าจะมาจากส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจาก TTB และ MBK รายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการขยายพอร์ตสินเชื่อธนชาตพลัส และผลกำไรที่ดีขึ้นจากที ไลฟ์ประกันชีวิต (TLife) และธนชาตประกันภัย (TNI)
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้แม้ดัชนี SET Index จะปรับตัวขึ้นมาหลังจากย่อลงไปลึก แต่ความผันผวนจากหลากหลายปัจจัยยังคงมีอยู่ ฉะนั้นการเลือกหุ้นบิ๊กแคปที่มีปันผลสูงจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจยิ่ง