ผู้ว่าแบงก์ชาติ คาดจีดีพี ไทยในปี 2567 ร่วงต่ำกว่า 4.4% โดยหากรัฐเดินหน้าพร้อมปรับแผนนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท อาจใช้วงเงินไม่ถึง 5.6 แสนล้านบาท
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. กล่าวว่าการประเมินการคาดการณ์ภาพีรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2567 มองว่าประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี จะขยายตัว 4.4% โดยเป็นผลรวมมากจากการที่นโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ได้ทุกคน ซึ่งใช้วงเงินไม่น้อยกว่า 5.6 แสนล้านบาท เพื่อผลักดันเป้าหมายเศรษฐกิจไทยให้ถึงระดับการเติบโตตามที่ตั้งไว้
"หากการดำเนินนโยบายดังกล่าวไม่ได้ใช้วงเงินที่ระดับ 5.6 แสนล้านบาท ก็ต้องยอมรับว่า จีดีพี ไทยในปี 67 จะปรับลดลงต่ำกว่า 4.4% แต่ไม่สามารถสรุปได้ว่าลดลงเป็นจำนวนเท่าไหร่ เพราะนโยบายแจกเงินดิจิทัลยังขาดความชัดเจน" นายเศรษฐพุฒิ กล่าว
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจในปีนี้ประเมินว่าจะขยายตัวได้เพียง 2.7-2.8% โดยมองว่าอาจบวกลบอยู่ระดับใกล้เคียง แต่ตัวเลขไตรมาส 3 ที่ออกมา โดยอุตสาหกรรมบางกลุ่มชะลอกว่าที่มองไว้ แต่มีบางส่วนที่ฟื้นตัวได้ อย่าง ภาคการบริโภค ที่ขยายตัวได้ทั้ง 3 ไตรมาสอย่างแข็งแกร่งและดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมดูอ่อนแรงกว่าที่มองไว้
ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่จะเข้ามากระทบต่อเศรษฐกิจไทย ยังมาจากปัจจัยลบของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะความเสี่ยงใหม่ รวมไปถึงปัญหาในตะวันออกกลาง ที่ทำให้ประเมินได้ยาก เพราะผลข้างเคียงมีเยอะ แม้จะไม่ใช้ผลกระทบโดยตรง ทำให้คาดการณ์ได้ยากในระยะข้างหน้า ซึ่งต้องมีการดูภาพรวมของประเทศอื่นๆ ว่าจะมีการปรับกลยุทธกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไปในทางไหนซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นนโยบายคงเสถียรภาพเป็นหลัก
ในส่วนของประเทศไทยจะเน้นด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยเป็นหลัก แต่ต้องไม่ประมาทเนื่องจาก หนี้สาธารณะ หรือ หนี้ครัวเรือนในระบบ ยังสร้างความกังวลอยู่ที่ระดับ 90.7% แม้จะลงจากระดับ 94% แล้วก็ตาม ด้านสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ที่อยู่ที่ 61.7% ถือว่าเป็นระดับสูงสุดเท่าที่เคยมีมา และสูงกว่าช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540 จึงเป็น 2 เรื่องที่ต้องระวังและติดตามและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดไม่ให้สูงขึ้นกว่าเพด้านความเสี่ยงที่ตั้งไว้