xs
xsm
sm
md
lg

Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าเงินบาทเปิดที่ระดับ 36.95 ฟันด์โฟลว์ต่างชาติยังกดดัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์




นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย 
เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (5 ต.ค.) ที่ระดับ 36.95 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 37.07 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.80-37.10 บาท/ดอลลาร์ โดยในช่วงคืนก่อนหน้าค่าเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้น (แกว่งตัวในช่วง 36.88-37.09 บาทต่อดอลลาร์) โดยมีจังหวะผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP ซึ่งออกมาแย่กว่าคาด รวมถึงช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานดัชนี ISM PMI ภาคการบริการที่แม้จะออกมาตามคาด แต่ส่งสัญญาณว่าภาคการบริการของสหรัฐฯ ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงมากขึ้น โดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ไม่ได้ออกมาดีมากนัก ได้ส่งผลให้ทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลง และหนุนให้ราคาทองคำมีจังหวะสามารถรีบาวนด์ขึ้นมาได้บ้าง

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นเริ่มกลับมาชะลอลงชัดเจน (ตามที่เราประเมินวันก่อนหน้า) หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดที่ไม่ได้ออกมาดีกว่าคาด ได้ส่งผลให้เงินดอลลาร์เริ่มย่อตัวลงบ้าง ขณะเดียวกัน ราคาทองคำเริ่มส่งสัญญาณพร้อมรีบาวนด์สูงขึ้น ทว่าปัจจัยสำคัญที่ยังคงขัดขวางการแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินบาท คือ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติที่ยังคงมีทิศทางไหลออกอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เราประเมินว่าการย่อตัวลงชัดเจนของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในช่วงคืนที่ผ่านมา อาจหนุนให้บอนด์ยิลด์ระยะยาวของไทยย่อตัวลงได้บ้าง ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาซื้อบอนด์ได้บ้าง หรืออย่างน้อยลดแรงขายบอนด์ในช่วงนี้ ตราบใดที่บอนด์ยิลด์ระยะยาวทั้งในฝั่งสหรัฐฯ และฝั่งไทยไม่ได้เร่งตัวขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ บรรยากาศในตลาดการเงินที่เริ่มกล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น อาจหนุนการรีบาวนด์ของตลาดหุ้นไทยและมีโอกาสที่จะเห็นนักลงทุนต่างชาติซึ่งมักจะเป็นสาย Buy on Dip เริ่มกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยได้บ้าง

ทั้งนี้ แม้ว่าโมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทจะชะลอลง แต่เรายังมองว่าเงินบาทอาจยังไม่สามารถพลิกกลับมาแข็งค่าได้ชัดเจน จนกว่าจะเห็นปัจจัยหนุนฝั่งแข็งค่า อย่างฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ หรือเห็นการอ่อนค่าต่อเนื่องของเงินดอลลาร์ และการรีบาวนด์ขึ้นของราคาทองคำ ซึ่งอาจต้องเห็นรายงานข้อมูลการจ้างงานสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ที่ชะลอลงชัดเจน ดังนั้น ก่อนที่ตลาดจะรับรู้รายงานตลาดแรงงานสหรัฐฯ เราคาดว่าผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่ปรับสถานะการถือครองที่ชัดเจน ทำให้เงินบาทอาจยังแกว่งตัว sideway โดยประเมินแนวรับแถว 36.80 บาทต่อดอลลาร์ (หากแข็งค่าหลุดโซนแนวรับมีโอกาสแข็งค่าทดสอบโซน 36.60 บาทต่อดอลลาร์ได้ไม่ยาก) ขณะที่โซนแนวต้านของเงินบาทอาจยังอยู่ในช่วงโซน 37.10-37.15 บาทต่อดอลลาร์

บรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่าสุดไม่ได้ออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มคลายกังวลแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ หรือคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานของเฟด ซึ่งการปรับมุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาดได้ส่งผลให้บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 4.72% (จากที่เกือบทะลุระดับ 4.90% ในวันก่อนหน้า) และหนุนให้บรรดาหุ้นเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth ต่างปรับตัวขึ้นแรง (Tesla +5.9% Alphabet +2.1%) ทำให้โดยรวมดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq เพิ่มขึ้น +1.35% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.81%

ส่วนในฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี stoxx600 ยังคงย่อตัวลงราว -0.14% กดดันโดยแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน (BP -3.2%) หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจหลักชะลอตัวอาจกระทบความต้องการใช้พลังงาน อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯ (ASML +1.9%) หลังบอนด์ยิลด์ระยะยาวเริ่มชะลอตัวลงบ้าง

ในฝั่งตลาดบอนด์ แม้ว่าบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด ที่ออกมาให้ความเห็นในช่วงนี้ยังคงสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดต่อไป ทว่า รายงานยอดการจ้างงานภาคเอกชนโดย ADP และดัชนี ISM PMI ภาคการบริการที่ไม่ได้ออกมาดีกว่าคาด และสะท้อนแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ผู้เล่นในตลาดเริ่มปรับลดสถานะ Short บอนด์ระยะยาว และผู้เล่นบางส่วนเริ่มทยอยกลับเข้ามาซื้อสะสมบอนด์ระยะยาวมากขึ้น ส่งผลให้บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลงใกล้ระดับ 4.72% สอดคล้องกับมุมมองของเราว่า หากผู้เล่นในตลาดทยอยลดสถานะ Short อาจช่วยหนุนให้บอนด์ยิลด์ปรับตัวลงได้ไม่ยาก โดยบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงมาแล้ว -16bps จากจุดสูงสุดในวันก่อนหน้าแถว 4.88%

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหว sideway โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 106.8 จุด (กรอบ 106.5-107 จุด) โดยเงินดอลลาร์มีจังหวะผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเงินดอลลาร์ได้แข็งค่าขึ้นบ้างก่อนรับรู้ข้อมูลเศรษฐกิจ และทยอยอ่อนค่าลงหลังรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้ออกมาดีกว่าคาด ในส่วนของราคาทองคำ แม้ว่าบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ จะมีการย่อตัวลงมาบ้าง ทว่าเงินดอลลาร์ยังคงแกว่งตัว sideway อีกทั้งบรรยากาศในตลาดการเงินเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น ทำให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อไปได้ง่ายและยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 1,838 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ เรามองว่าในช่วงที่ราคาทองคำมีจังหวะรีบาวนด์ขึ้นใกล้ระดับ 1,840 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจมีผู้เล่นบางส่วนที่ทยอยซื้อทองคำในช่วงปรับฐาน ทยอยขายทำกำไรได้ และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวมีส่วนช่วยชะลอการอ่อนค่าลงของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไป CPI ของไทย ซึ่งเราประเมินว่าแม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพด้วยการลดค่าไฟฟ้าลง แต่ทว่า ผลกระทบจากภาวะ El Nino อาจยังหนุนให้ราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เพิ่มขึ้นราว +0.3%m/m (ส่วนใหญ่มาจากการปรับตัวขึ้นของราคาข้าว แป้ง ผักและผลไม้) นอกจากนี้ ราคาพลังงานยังปรับตัวขึ้นไม่น้อยกว่า +2%m/m ทำให้โดยรวมอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอาจเพิ่มขึ้น +0.2%m/m หรือ +0.86%y/y ทั้งนี้ หากโมเมนตัมอัตราเงินเฟ้อรายเดือนเพิ่มขึ้นไม่เกิน +0.2%m/m อาจทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ได้กังวลต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อมากนัก และการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอาจถึงจุดยุติแล้วที่ระดับ 2.50%

ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ซึ่งอาจส่งผลต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ และแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดได้

และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางหลัก ทั้ง เฟด และ ECB เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินในระยะถัดไป
กำลังโหลดความคิดเห็น