xs
xsm
sm
md
lg

SC เชื่อมั่น "รบ.เศรษฐา" มีผลงานคืบหน้า มั่นใจ GDP โตกำลังซื้อกลับมา อสังหาฯ ได้รับอานิสงส์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์
"ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์" ซีอีโอเอสซี แอสเสทฯ หวังรัฐบาลใหม่โฟกัสกระตุ้นเศรษฐกิจรวม อสังหาฯ ยังไม่จำเป็นต้องออกยากระตุ้น แต่ขอความชัดเจนเรื่องแรงงานที่ยังขาดแคลน ลุ้นคลาย LTV ดี แต่ทุกอย่างมีต้นทุน เผยรัฐบาลเพิ่งเข้ามา แต่เห็นความคืบหน้าหลายอย่าง แก้ปัญหาใกล้ตัวประชาชน ค่าครองชีพ นโยบายฟรีวีซ่าดี กระตุ้นตลาดท่องเที่ยว พร้อมเดินหน้าลงทุนธุรกิจอสังหาฯ ขยายพอร์ตธุรกิจใหม่ กระจายความเสี่ยง ภูมิใจพนง.SC แข็งแกร่ง นำพาองค์กรเติบโต ด้าน 'อรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์' แจงแผนสร้างพอร์ตโรงแรม พื้นที่ให้บริการคลังสินค้า ย้ำทุกการลงทุนองค์กรต้อง Healthy

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ผู้นำการเป็น Living Solutions Provider คุณภาพสูง เปิดเผยถึงการจะขับเคลื่อนภาคอสังหาริมทรัพย์เติบโตว่า วันนี้เราต้องมองภาพใหญ่ก่อน คือ กระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมเป็นหลัก และภาคอสังหาริมทรัพย์จะได้รับผลดี ถ้าวันนี้ความเชื่อมั่นกลับมา จีดีพีของประเทศเติบโตได้ จะส่งผลดีต่อภาคอสังหาฯ แต่มีเรื่องที่เกี่ยวโยงกับภาคอสังหาฯ คือ "แรงงาน" วันนี้ แรงงานมาจากต่างประเทศเยอะ ถ้ามีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้แรงงานเข้ามาได้มากขึ้น ทำให้การผลิตง่ายขึ้น จะทำให้ดีเวลลอปเปอร์วางแผนได้ชัดเจนมากขึ้น

"วันนี้รัฐบาลใหม่มา เรื่องสำคัญคือ ความเชื่อมั่นโดยรวมต้องขึ้นมาก่อน ไม่ใช่จะดีเฉพาะอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง แต่เมื่อทุกอย่างดี ชีวิตประชาชนดี ความเดือดร้อน เราต้องไปแก้เรื่องค่าครองชีพก่อน เดี๋ยวที่เหลือจะตามมาเอง ผมคิดว่าท่านนายกฯ (นายเศรษฐา ทวีสิน) เพิ่งเข้ามาเริ่มงาน แต่เห็นความคืบหน้าหลายอย่างน่าสนใจ ผมเชื่อความเชื่อมั่นของประชาชนน่าจะเพิ่มขึ้น ซึ่งผมมองว่าสิ่งที่รัฐบาลทำวันนี้ กระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมได้ผลชัดเจน ทำที่ใกล้ตัวประชาชน เหล่านี้จะทำให้ความเชื่อมั่นกลับมาเร็ว ผมมองว่าความเชื่อมั่นเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนปี 2567 จะดีหรือไม่คงต้องมารอดู แต่ผม (ณัฐพงศ์) มีความเชื่อมั่น"

สำหรับในเรื่องการกระตุ้นภาคอสังหาฯ นั้น คิดว่ายังไม่ต้องออกยามากระตุ้น ไม่ใช่ว่า รายใหญ่ (อสังหาฯ) จะไม่เดือดร้อน มองว่าถ้าความเชื่อมั่นมา กำลังซื้อกลับมา จะมีผลให้หนี้เริ่มลดลงได้ อสังหา ฯก็จะดี ผมเน้นภาพใหญ่จะดีกว่า ส่วนเรื่องการผ่อนคลาย Loan to Value หรือ LTV ถ้าปลดได้ก็เป็นการดี แต่อยากให้มองว่าทุกอย่างมีต้นทุนอยู่ ถ้าจะทำ ผมขอให้ไปทำภาพใหญ่ดีกว่า เดี๋ยวทุกอย่างจะกระจายออกไปดี

นายณัฐพงศ์ กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจของ SC ว่า เราต้องมีความหลากหลายของธุรกิจ ซึ่งจะส่งผลให้ SC มีเครื่องยนต์หลากหลายด้วย มีผลต่อการเติบโตของบริษัทฯ จะเห็นได้ว่าเราได้วางเป้าหมายในระยะข้างหน้า ที่จะมีฐานของรายได้จากการประกอบธุรกิจหลักเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และรายได้ประจำที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งในแผนปีนี้การดำเนินธุรกิจได้ตามแผนที่วางไว้ ทั้งในเรื่องการเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม และที่จะเพิ่มเติมคือ การลงทุนในธุรกิจโรงแรม และขยายฐานธุรกิจคลังสินค้า ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่มีโอกาสเติบโตได้

"เรื่องฟรีวีซ่านั้น แน่นอนถ้าเราพิจารณาจากปัจจัยจะส่งผลดี แต่วันนี้ยังไม่เห็น ซึ่งถ้าลูกค้าจีนเข้ามาเยือนประเทศไทยมากขึ้น กำลังซื้อจะดีขึ้น มีผลต่อตลาดคอนโดมิเนียม"

มุ่งสร้างธุรกิจให้มีความหลากหลาย

นายณัฐพงศ์ ยังกล่าวถึงบทบาทตนเองที่เข้ามารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารว่า ผมเข้ามาตั้งแต่ปี 2555 (2012) ตอนนี้ผมมารันธุรกิจ SC ได้ 11 ปี ผมคิดว่าผลประกอบการของบริษัทเป็นที่น่าพอใจ ต้องยกเครดิตให้ทีมงาน SC ทุกคน มีความแข็งแรงมาก มีความมุ่งมั่นที่จะทำเพื่อลูกค้า และทำให้ผลประกอบการในแต่ละปีของบริษัทดีขึ้นต่อเนื่องมา สิ่งที่เราจะขับเคลื่อนต่อ คือ เรื่องของ Culture ขององค์กร และให้ธุรกิจมีความหลากหลายมากขึ้น

แจงแผนพัฒนาโรงแรม คลังสินค้าให้เช่า
นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสทฯ กล่าวถึงการขยายธุรกิจใหม่ว่า ได้กำหนดสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาฯ อยู่ที่ร้อยละ 80 และขยับพอร์ตรายได้ประจำขึ้นมาเป็นร้อยละ 20 ภายในปี 2570 ซึ่งรายได้ส่วนนี้จะมาจากธุรกิจอาคารสำนักงาน โรงแรม และคลังสินค้า เพียงแต่ขึ้นอยู่กับโอกาสและจังหวะของการลงทุน โดยกลยุทธ์ที่เราได้เดินทางมาแล้ว ได้แก่ การลงทุนและขยายฐานในธุรกิจโรงแรม โดยวางเป้าหมายภายใน 3-4 ปีจากนี้ให้มีห้องพักให้บริการในขั้นต้น จำนวน 1,000 ห้อง (keys) ซึ่งเราได้เปิดโรงแรมไปแล้วภายใต้ชื่อ "YANH ราชวัตร" และพัฒนาแบรนด์โรงแรมใหม่บนถนนสุขุมวิท 29 มูลค่าการลงทุน 2,500 ล้านบาท

"เราต้องวาง Action Plan ข้างหน้าด้วยว่า เมื่อเดินทางไปตามเป้าหมายแล้ว แอสเสทเราจะเพิ่มเป็นเท่าไหร่ เพราะจะเกี่ยวข้องกับการลงทุน และต้องยืนอยู่บนหลักของความเป็นจริง เพราะทุกอย่างต้องใช้เวลา อย่างเช่น ตอนนี้ท่องเที่ยวดี ใช่ว่าเราจะต้องโหม อย่าลืมว่าทุกอย่างมีข้อจำกัด เช่น เม็ดเงินลงทุน กว่าจะก่อสร้างโรงแรมแล้วเสร็จ กว่าจะคืนทุน ไม่ใช่ 2-3 ปี เงินจะคืนมา ธุรกิจที่เกี่ยวกับรายได้ประจำต้องใช้เวลา ถ้าทำเร็ว หนี้เยอะ ไม่ Healthy เราต้องรู้จักการบริหารภาระหนี้ให้อยู่ในจุดที่ไม่เสี่ยงต่อองค์กร เพราะถ้าขยายการลงทุนหมด ทั้งในพอร์ตหลัก พอร์ตธุรกิจใหม่ ต้องมามองเรื่องการบริหารจัดการหนี้ให้อยู่ในจุดที่เราเชื่อว่าสถานะการเงินต้องไปต่อได้ ธุรกิจหลักอย่างโครงการบ้านให้คืนเร็ว สร้างเสร็จ ขาย มีรายได้เข้ามา" นายอรรถพล กล่าว

ด้านธุรกิจคลังสินค้า ในปีแรกเรามั่นใจจะสามารถขยายพื้นที่ได้ 1 แสนตารางเมตร (ตร.ม.) และในปีที่ 2 คือ ปีหน้าจะลงทุนจัดหาที่ดินแปลงใหม่ที่เหมาะกับการพัฒนาคลังสินค้าเพิ่มอีก 1 แสน ตร.ม.ซึ่งตามแผนที่วางไว้ จะพัฒนาพื้นที่ Warehouse ให้ได้ 1 ล้าน ตร.ม.ภายในปี 2573

"คลังสินค้าเติบโตเฉลี่ยปีละร้อยละ 5-10 จากกระแสอีคอมเมิร์ซบูม และการลงทุนคลังสินค้าเพิ่มออกนอกจีน เพื่อรองรับความเสี่ยง ประเทศไทยจึงเป็นเดสติเนชันคลังสินค้าที่น่าจับตา และคลังสินค้ากับโรงแรมจะเสริมพอร์ตรายได้ประจำในปี 66 ให้ขึ้นเป็นร้อยละ 5 และอสังหาฯ ร้อยละ 95" นายอรรถพล กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2566 มีรายได้จากการดำเนินงาน 10,136 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 12 (YoY) แบ่งเป็นรายได้จากการขายร้อยละ 95 และรายได้จากการเช่าและบริการร้อยละ 5 มีกำไรสุทธิ 1,128 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 16 (YoY) โดยรายได้หลัก จากการขาย 9,621 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 12 มาจากรายได้โครงการแนวราบ 7,597 ล้านบาท และรายได้จากโครงการแนวสูง 2,024 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นร้อยละ 111 (YoY)

โดยตามแผนครึ่งปีหลังจะเปิด 15 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท แบ่งเป็น แนวราบ 13 โครงการ มูลค่า 19,000 ล้านบาท พร้อมกันนี้ บริษัทยังเดินหน้าสรรหาที่ดินในทุกทำเลศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ สำหรับการพัฒนาโครงการในอนาคต เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมทุกพื้นที่

ทั้งนี้ SC ยังมีโครงการเพื่อขายรวมทั้งหมด 74 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 81,000 ล้านบาท ในสัดส่วนแนวราบร้อยละ 70 และแนวสูงร้อยละ 30
กำลังโหลดความคิดเห็น