ซาบีน่ามีลุ้น หลังยอดขายแคมเปญ 9.9 ขึ้นแท่นแบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดบนแพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ทั้ง “ช้อปปี้” และ “ลาซาด้า” ดันผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงนโยบายฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวเป็นแรงขับเคลื่อนการจับจ่ายใช้สอยในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี รวมถึงเมกะแคมเปญ 11.11 ในไตรมาสสุดท้าย ย้ำเป้าหมายเติบโตปีนี้ที่ 10-15% แน่นอน
น.ส.ดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยว่า SABINA ยังคงเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในกลุ่มสินค้าแฟชั่นในใจนักชอปออนไลน์ หลังจากสามารถกวาดยอดขายสูงสุดจากมหกรรมชอปปิ้ง 9.9 บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งช้อปปี้และลาซาด้า โดยก่อนหน้านี้ SABINA ได้รับรางวัล Consumer Choice จาก Shopee Partner Awards 2023 และรางวัลแบรนด์ที่มียอดขายโดดเด่น LazMall Local Superstar Award จากลาซาด้า กรุ๊ป ในงาน LazMall Brands Future Forum (BFF) 2023 ซึ่งตอกย้ำความสำเร็จในการขายผ่านช่องออนไลน์ของ SABINA ได้เป็นอย่างดี
“ยอดขายในเมกะแคมเปญ 9.9 ทำให้เรามีลุ้นสร้างเซอร์ไพรส์สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งอาจจะดีกว่าที่เราคาดไว้ ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จในการขายผ่านช่องทางออนไลน์ หรือช่องทาง NSR (Non-Store Retailing) ของ SABINA นอกจากสินค้าจะมีความหลากหลายครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มทุกวัย และเป็นสินค้าที่มีคุณภาพแล้ว เรายังนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ในการคาดการณ์การวางแผนจัดเก็บสินค้าเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคสำหรับการขายในวันแคมเปญใหญ่ เพื่อให้การขายไม่สะดุด รวมถึงต้องวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานหรือผลการทำงานของทีมขาย (Analyst Sales Performance) และใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพการตลาดดิจิทัล ด้วยการนำโปรแกรม Chat GPT, Bing Chat และ Canva เข้ามาร่วมในการทำงาน เพื่อให้การสื่อสารและการทำแคมเปญมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สามารถขายสินค้าได้ตรงจุดมากขึ้น” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SABINA กล่าว
นอกจากความสำเร็จจากแคมเปญ 9.9 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นยอดขายและผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 แล้ว SABINA ยังมั่นใจว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งจะทำให้บรรยากาศโดยรวมในช่วงปลายปีเป็นไปอย่างคึกคักมากขึ้น ขณะที่มาตรการฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน ที่รัฐบาลประกาศใช้เป็นเวลา 5 เดือนตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันของไทย รวมถึงมีโอกาสจะขยายถึงนักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่จะกระตุ้นการบริโภค ทั้งจากกำลังซื้อภายในประเทศและจากนักท่องเที่ยว
“ในปีนี้ SABINA วางเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 10-15% โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถึงตอนนี้เรามั่นใจว่าเป็นไปได้อย่างแน่นอน แต่ที่ต้องเกาะติดตัวเลขอย่างใกล้ชิด เพราะมีโอกาสที่เราจะสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ที่สูงกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ ด้วยบรรยากาศที่เอื้ออำนวยโดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปี และในไตรมาสสุดท้ายยังมีเมกะแคมเปญ 11.11 รออยู่ อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้มีเป้าหมายเพียงการสร้างยอดขายที่สูงที่สุดเท่านั้น เพราะที่ผ่านมา SABINA พยายามรักษาการเติบโตของอัตรากำไรสุทธิ (NPM : Net Profit Margin) ที่สะท้อนความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯ ซึ่งหมายถึงเราต้องเพิ่มรายได้ยอดขาย พร้อมๆ กับควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพ ทั้งค่าใช้จ่ายดำเนินการ และค่าใช้จ่ายด้านการผลิตที่เราใช้นวัตกรรมต่างๆ มากขึ้น ใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบโจทย์สำคัญนั่นคือ การเติบโตอย่างยั่งยืนของ SABINA ภายใต้พื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง” น.ส.ดวงดาว กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 อัตรากำไรสุทธิ (NPM) ของ SABINA อยู่ที่ 13.3% ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่พัฒนาการที่สำคัญ ได้แก่ การเข้าลงทุนใน Moda SBN ซึ่งประกอบธุรกิจค้าปลีก และเป็นตัวแทนจำหน่าย (Distributor) สินค้าแบรนด์ “ซาบีน่า” ในประเทศฟิลิปปินส์ ด้วยการเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 77% ซึ่งขณะนี้มีอัตราการเติบโตของยอดขายดีกว่าที่บริษัทฯ คาดการณ์ไว้ และหลังจากนี้ไป SABINA เตรียมจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นกำลังซื้อในฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตอย่างมีศักยภาพต่อไป