นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า หลังจากที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ทำให้นักลงทุนคลายกังวลมากขึ้น และน่าจะส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นต่อตลาดทุนไทย นำไปสู่เงินทุนไหลเข้าในช่วงต่อไป
อย่างไรก็ตาม คาดหวังว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันในช่วงปลายปีนี้ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว อย่างเช่น มาตรการฟรีวีซ่า เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศได้อย่างรวดเร็ว และใช้งบประมาณน้อย หลังจากช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศมากถึง 15.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนทั้งปีที่อยู่ที่ 11 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศสูงสุด ได้แก่ มาเลเซีย จีน เกาหลีใต้ อินเดีย และรัสเซีย ขณะที่เหลืออีก 5 เดือนก่อนจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยวในไทย คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นแตะ 29-30 ล้านคนได้ในสิ้นปีนี้
อีกทั้งคาดหวังว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย และการจัดค้ำประกันการเข้าถึงสินเชื่อของภาคท่องเที่ยว บริษัทขนาดกลาง ขนาดเล็ก (SME) การเร่งโครงการลงทุนต่างๆ ที่มีการอนุมัติไว้แล้ว และการดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศ หรือผู้เชี่ยวชาญเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งหากรัฐบาลสามารถดำเนินการในเรื่องดังกล่าวนี้ได้ จะทำให้ช่วงปลายปี 66 มีความหวังที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยพยุงตัวต่อไปได้จนถึงกลางปี 67
"ในช่วงปลายปีมีการกระตุนเศรษฐกิจบ้างก็ดี เพราะว่างบประมาณที่ล่าช้าไป 1 ไตรมาส ขณะที่เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ถ้าช่วยกระตุ้นอีกนิดหนึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าไปได้ เพียงแต่ว่าอาจจะต้องเลือกว่าจะกระตุ้นตรงไหน เพื่อให้ให้งบประมาณที่มีจำกัดเกิดประโยชน์สูงสุด" นายกอบศักดิ์ กล่าว
สำหรับเงินเฟ้อไทย ปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่ราว 1-3% ทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อไม่จำเป็นแล้ว แต่หากจะมีการปรับขึ้นจะเป็นการปรับเข้าสู่อัตราดอกเบี้ยเป็นกลาง และรองรับกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว จึงมองว่า กนง.อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปีนี้ ไปจนถึงการคงไว้ โดยดอกเบี้ย ณ ปัจจุบัน หรือ 2.25% ถือเป็นดอกเบี้ยที่สูงที่สุดในรอบหลาย 8-9 ปีที่ผ่านมา และเป็นอัตราที่ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจอีกต่อไป
ส่วนค่าเงินบาททรงตัวอยู่ในระดับ 35-36 บาท/ดอลลาร์ ถือว่าเป็นอัตราที่เหมาะสม เนื่องจากมองว่าการตีกลับมาเป็นค่าเงินบาทจะช่วยชดเชยกับภาคส่งออกที่ขยายตัวได้ไม่ดี ขณะเดียวกัน Current Account ประเทศไทยทรงตัวอยู่ที่ระดับ 0 ส่งผลให้การท่องเที่ยวไทย จะช่วยให้มีเงินไหลเข้าสู่ประเทศ และช่วยให้ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพในระยะต่อไป
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ความกังวลต่อนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทจะกระทบต่อนโยบายการเงินการคลังหรือไม่นั้น ต้องให้ทางรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องหารือกันก่อน และยังต้องติดตามดูว่ารายละเอียดของนโยบายดังกล่าวจะออกมาอย่างไร โดยอันดับแรกรัฐบาลจะต้องไปแก้ไขในเรื่องของกฎหมายให้เรียบร้อยก่อน เพื่อให้รองรับกับการใช้จ่ายภาครัฐ และกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณ ซึ่งต้องไปดูว่างบประมาณมีเพียงพอเท่าไหร่ และจะต้องหาเพิ่มเข้ามาอีกเท่าไหร่
นอกจากนี้ FETCO ยังมีการหารือภายในเพื่อเตรียมนำข้อเสนอ และนโยบายส่งเสริมตลาดทุนไปหารือกับรัฐบาล ซึ่งจะมีนโยบายหลายอย่าง เช่น การส่งเสริมการลงทุนระยะยาวของนักลงทุนได้อย่างไร ตลาดทุนจะมีบทบาทในการช่วยเหลือรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างไร รวมไปถึงช่วยเหลือ SME พัฒนาชุมชน สิ่งแวดล้อมร่วมกับรัฐบาลได้อย่างไร