บล.พาย ประเมิน SET INDEX สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวกรอบ 1,540-1,580 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นลดพอร์ตการลงทุนจากการที่ตลาดรับรู้ปัจจัยบวกด้านการเมืองไปมากแล้ว ขณะที่ระดับ Valuation ปัจจุบันไม่ใช่จุดที่ถูกมากนักและต่างประเทศยังไร้ปัจจัยบวก
ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวก 0.7% บรรยากาศซื้อขายผันผวนเนื่องจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้อยังอยู่ระดับสูงและอาจต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1% แรงหนุนจากแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯ ที่ลดลง
วันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าส่งออกเดือน ก.ค. (-6%YoY) แต่หากตัดสินค้าเกี่ยวข้องกับทองคำ น้ำมัน และยุทธปัจจัยจะอยู่ที่ (-2%YoY) ใกล้เคียงกับ Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ -2.8%YoY สาเหตุที่ชะลอตัวกระทรวงพาณิชย์ระบุว่าเป็นผลจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยในหลายภูมิภาคและการเข้มงวดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อส่งผลให้การบริโภคชะลอตัว อีกทั้งจีนซึ่งเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกฟื้นตัวช้าลงจากกำลังซื้อในประเทศที่หดตัว
อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้าเกี่ยวข้องกับอาหารยังขยายตัวได้ เช่น ผลไม้สด ผักกระป๋อง ไข่ไก่สด ส่วนสินค้าที่หดตัวและเกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋อง (กระทบ TU) ด้านสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ (บวกต่อ AH SAT) ส่วนสินค้าที่หดตัวและเกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ (กระทบ HANA)
สำหรับคืนวันศุกร์ที่ประชุม Jackson Hole ประธานเฟดระบุว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่ระดับสูงและอาจต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อ พร้อมระบุเพิ่มเติมว่าถึงแม้เงินเฟ้อจะปรับลงมาจากจุดสูงสุดแต่ยังคงเป็นระดับสูงและดอกเบี้ยมีแนวโน้มอยู่ระดับสูงต่อไปจนกว่าจะมั่นใจว่าเงินเฟ้อกำลังปรับลง ภายหลังแถลงพบว่า US Bond Yield 2 ปีปรับขึ้นแต่ CME FED Watch ยังให้น้ำหนักราว 80% ที่เฟดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม (ลดลงจาก 90%) โดยสรุปถ้อยแถลงค่อนข้างไปในทางเข้มงวดซึ่งเป็นลบกับตลาดหุ้น
สำหรับสัปดาห์นี้หลักๆ เน้นที่แรงงานในสหรัฐฯ ทั้งตำแหน่งเปิดรับสมัครงานในวันอังคาร การจ้างงานภาคเอกชนจากสถาบัน ADP ในวันพุธและการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ และเงินเฟ้อ (PCE) ในวันพฤหัสบดี
หุ้นแนะนำระยะสั้นเลือกกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT AWC CENTEL ERW MINT) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ศูนย์การค้า (CPN) ขนส่ง (BEM) กลุ่มการเงิน (TIDLOR)
BBL (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 198.00 บาท) คุณภาพสินเชื่อยังอยู่ในระดับที่คุมอยู่ ธนาคารให้แนวทางอัตราส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ระดับเดิมที่ 3.5% (ไตรมาส 2/66 : 2.9%) นอกจากนี้ ด้วยการที่มีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่เพียงพอแล้ว จึงคาดว่าค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญในปี 66 (ครึ่งแรกปี 66 : 130 bps) จะต่ำกว่า 124 bps ในปี 65
PTTEP (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 180.00 บาท) ภาพรวมไตรมาส 3/66 ยังเป็นบวกจากแนวโน้มปริมาณขายที่ปรับดีขึ้น โดยผู้บริหารให้แนวทางไว้ที่ 470 บาร์เรล/วัน (+6% QoQ) ขณะที่ราคาขายมีโอกาสปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่ขึ้นไปแตะ 84 ดอลลาร์/บาร์เรล ในเดือน ก.ค. หรือขึ้นไปกว่า 6.0 ดอลลาร์/บาร์เรล จากค่าเฉลี่ยในไตรมาส 2/66 ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นช่วงล่าสุดเป็นผลจากการที่ OPEC+ ขยายกรอบการลดปริมาณผลิตไปถึงเดือน ส.ค. (ลด 5.2 ล้านบาร์เรล/วัน คิดเป็น 5% ของอุปทานโลก)