บล.พาย เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,500-1,540 จุด นักลงทุนให้น้ำหนักมากสุดกับปัจจัยในประเทศ โดยเฉพาะการเลือกนายกรัฐมนตรี 22 ส.ค.ที่มีพรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ข้อมูลล่าสุดระบุว่ารวมเสียงได้แล้ว 314 เสียง แม้จะเกินครึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส. แต่ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของรัฐสภาที่จำเป็นต้องใช้เสียง ส.ว. อีกราว 61 เสียง หากการโหวตผ่านไปได้ด้วยดีเชื่อว่า SET Index มีโอกาสตอบรับเชิงบวกระยะสั้น แต่หากโหวตไม่ผ่านเชื่อว่ามีผลต่อ SET จำกัด และรอดูการโหวตรอบถัดไป
ขณะเดียวกัน ในวันนี้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/66 ซึ่ง Bloomberg Consensus คาดการณ์เติบโต 3%YoY หากพิจารณาการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย 5 ปีย้อนหลังก่อนเกิด COVID-19 พบว่าเฉลี่ยแล้วขยายตัวได้ราว 3.4%YoY ดังนั้น คาดการณ์ขยายตัว 3%YoY ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยช่วงก่อนหน้า จึงเชื่อว่าภายหลังจากจัดตั้งรัฐบาลได้จะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะการบริโภค ซึ่งจะเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO)
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดบวกเล็กน้อย 0.07% ได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.1% ปัจจัยบวกจากอุปทานตึงตัวจากการที่ซาอุฯประกาศขยายระยะเวลาในการลดกำลังการผลิต สัปดาห์นี้ติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของฝั่ง EU ในวันพุธ Bloomberg Consensus ประเมินว่าส่วนใหญ่แล้วประเทศในกลุ่ม EU ดัชนี PMI ต่ำกว่าระดับ 50 ยกเว้น PMI ภาคบริการของเยอรมนีคาดการณ์ที่ 51.5 และภาคบริการของ EU คาดการณ์ที่ 50.6 มองเป็นบวกต่อหุ้นโรงแรมที่มีรายได้หลักจาก EU (MINT)
ขณะที่ในวันเดียวกันสหรัฐฯ มีกำหนดรายงาน PMI ภาคผลิตและบริการ Bloomberg Consensus ประเมินที่ 48.9, 52.4 ตามลำดับ และสุดท้าย เชื่อตลาดจะรอติดตามการประชุมรอบ Jackson Hole (ประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)) โดยเฉพาะแถลงจากประธานเฟดในวันศุกร์ช่วงเย็นตามเวลาประเทศไทยเกี่ยวกับท่าทีของเงินเฟ้อและทิศทางดอกเบี้ย
เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังเน้นเพียงแค่ Trading เลือกหุ้นอิงในประเทศเนื่องจากยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวจากต่างประเทศ เช่น ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) ศูนย์การค้า (CPN) ขนส่ง (BEM) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) น้ำมัน (PTTEP) โรงไฟฟ้า (BGRIM GPSC GULF)
PTTEP (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 180.00 บาท) ภาพรวมไตรมาส 3/66 ยังเป็นบวกจากแนวโน้มปริมาณขายที่ปรับดีขึ้น โดยผู้บริหารให้แนวทางไว้ที่ 470 kBOED (+6% QoQ) ขณะที่ราคาขายมีโอกาสปรับสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่ขึ้นไปแตะ 84 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในเดือน ก.ค. หรือขึ้นไปกว่า 6.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากค่าเฉลี่ยในไตรมาส 2/66 ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นช่วงล่าสุดเป็นผลจากการที่ OPEC+ ขยายกรอบการลดปริมาณผลิตไปถึงเดือน ส.ค
TIDLOR (ซื้อ/ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท) คงคำแนะนำ ซื้อ และมองว่าการปรับลงมาของราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยลบด้านผลประกอบการไตรมาส 2/66 ที่อ่อนแอไปแล้ว โดยประเมินกำไรปี 66 ขยายตัว 7% แต่ปี 67 ประเมินว่าจะขยายตัวได้ถึง 22%